เรื่องน่ารู้

Blogs

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ทำยังไงดี อย่าปล่อยให้น้องสาวมีกลิ่นคาวปลา ปัญหานี้มองข้ามไม่ได้!

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้

ถ้าคุณเคยและรู้สึกกังวลว่าช่องคลอดมีกลิ่นที่ไม่ค่อยน่าพึงพอใจ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน เพราะปกติแล้วช่องคลอดจะมีกลิ่นอ่อน ๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของร่างกาย แต่ถ้าหากมีกลิ่นเหม็นหรือแรงขึ้นมา อาจเป็นเพราะปัญหาสุขภาพ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจและไม่สบายใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจ หาสาเหตุของช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ก็มีหลายอย่าง ทำได้ง่าย ๆ ดูแลน้องสาวได้ไม่ยาก

ทำความรู้จักกับ “กลิ่น” ของช่องคลอด

รู้ไหมคะว่าช่องคลอดของเรามี “กลิ่น” เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เนื่องจากในช่องคลอดมีแบคทีเรียที่ดีอยู่หลายชนิดทำงานร่วมกันเพื่อรักษาค่า pH ให้อยู่ในระดับที่สมดุล และทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ แต่เมื่อใดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียในช่องคลอด จนทำให้ค่า pH ผิดปกติ หรือเกิดการติดเชื้อ กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก็จะเกิดขึ้น รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สามารถทำให้น้องสาวมีกลิ่น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ช่องคลอดของแต่ละคนจะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น

ช่องคลอดมีกลิ่นแบบไหนถึงผิดปกติ แล้วปกติจะต้องมีกลิ่นยังไง?

กลิ่นช่องคลอดของผู้หญิง สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตามหลายปัจจัย เช่น ฮอร์โมน ช่วงของรอบเดือน การออกกำลังกาย และการมีเพศสัมพันธ์ โดยกลิ่นปกติที่มักพบได้จะมีกลิ่นอ่อน ๆ หรือเปรี้ยวเล็กน้อย เนื่องจากมีแบคทีเรียดีที่ช่วยรักษาสมดุลของช่องคลอด ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องจากเชื้อโรคต่าง ๆ นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม หากมีกลิ่นที่รุนแรง แปลกประหลาด แตกต่างไปจากปกติ เช่น กลิ่นเหม็นคาวรุนแรงหรือเหม็นอับ และกลิ่นนั้นคงอยู่นานหลายวัน หรือมีอาการร่วม นั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพของน้องสาว ซึ่งบ่งบอกว่าช่องคลอดมีปัญหาและต้องการการดูแลหรือรักษา การเข้าใจความแตกต่างระหว่างกลิ่นที่ปกติและผิดปกติของช่องคลอด จะช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากน้องสาวมีกลิ่นและคัน หรือมาพร้อมกับอาการอื่นร่วมด้วย เช่น แสบ หรือตกขาวผิดปกติ ควรรีบเช็กน้องสาว และปรึกษาแพทย์ทันที

กลิ่นที่เป็นปกติของช่องคลอด

  • กลิ่นเปรี้ยวหรือกลิ่นคล้ายขนมปังเปรี้ยว อาจเกิดจากแบคทีเรียดีในช่องคลอดที่ทำหน้าที่ควบคุมสมดุล
  • กลิ่นหวานหรือกลิ่นขมนิด ๆ อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับ pH ของช่องคลอด
  • กลิ่นโลหะหรือเหล็ก ในช่วงที่มีประจำเดือน เนื่องจากเลือดมีส่วนประกอบของเหล็ก
  • กลิ่นคล้ายแอมโมเนีย อาจเกิดจากการมีปัสสาวะตกค้างหรือภาวะขาดน้ำ

กลิ่นช่องคลอดที่ผิดปกติ

  • กลิ่นเหม็นคาวปลา หากน้องสาวมีกลิ่นปลาเค็ม หรือมีกลิ่นคาวแรง ๆ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด หรือที่เรียกว่า ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย โดยมักจะมีกลิ่นที่รุนแรงมากขึ้นหลังการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้อาจมีการตกขาวสีเทาหรือสีขาวร่วมด้วย
  • กลิ่นเหม็นอับหรือกลิ่นคล้ายเหงื่อ อาจเกิดจากการสะสมของเหงื่อหรือความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น การไม่รักษาความสะอาดหรือการใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดีสามารถทำให้เกิดกลิ่นลักษณะนี้ได้
  • กลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นอับ อาจเกิดจากที่น้องสาวมีกลิ่นคาวจากโรคติดต่อ โดยเกิดจากเชื้อปรสิต ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถทำให้เกิดกลิ่นคล้ายกลิ่นคาวหรือกลิ่นอับ และมักจะมีตกขาวสีเหลืองหรือเขียวร่วมด้วย
  • กลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นเหม็นรุนแรงคล้ายเนื้อเน่า อาจเกิดจากการลืมถอดผ้าอนามัยแบบสอด ซึ่งสามารถทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคจนส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นรุนแรงได้
  • กลิ่นเหม็นรุนแรง จากภาวะฟิสทูล่า เป็นภาวะที่หายาก เกิดจากการเชื่อมต่อที่ผิดปกติระหว่างลำไส้และช่องคลอด ทำให้มีอุจจาระหรือแก๊สออกมาทางช่องคลอด ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • กลิ่นโลหะ หรือกลิ่นแปลกจากมะเร็งปากมดลูกหรือติ่งเนื้องอกในช่องคลอด อาจเกิดจากการมีเนื้องอกหรือการอักเสบที่รุนแรงในมดลูกหรือช่องคลอด ซึ่งมักมาพร้อมกับตกขาวมีกลิ่นเหม็น

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง?

ปัญหาช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลและขาดความมั่นใจ แล้วช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น เกิดจากอะไร โดยสาเหตุของกลิ่นเหม็นนั้น อาจมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่พฤติกรรมการใช้ชีวิต การดูแลสุขอนามัย ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ไปจนถึงการติดเชื้อในช่องคลอด ซึ่งมีหลาย ๆ สาเหตุ ดังนี้

  • ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis- BV): ภาวะนี้เกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เมื่อพูดถึงกลิ่นเหม็นจากช่องคลอด โดยเกิดจากการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบางชนิดเกินไป ทำให้ค่า pH เสียสมดุล ทำให้เกิดกลิ่นคาวที่รุนแรง
  • การติดเชื้อราหรือยีสต์ในช่องคลอด (Yeast Infection): หากมีอาการช่องคลอดอับชื้น คันและมีกลิ่นเปรี้ยวอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อรา เมื่อช่องคลอดชื้นเกินไปเชื้อราจึงเจริญเติบโตได้ดี และทำให้กลิ่นเปลี่ยนไปจากปกติ แม้ว่าการติดเชื้อยีสต์มักไม่ทำให้มีกลิ่นรุนแรง แต่มักจะมีอาการคัน ตกขาวข้นคล้ายแป้งเปียก และอาจมีกลิ่นอับได้ในบางกรณี
  • การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (Trichomoniasis): เกิดจากเชื้อปรสิตที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ อาจทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นอับ และอาจมีตกขาวสีเหลืองหรือเขียวร่วมด้วย
  • ภาวะฟิสทูล่า (Rectovaginal Fistula): เป็นภาวะที่พบได้ยาก เกิดจากการเชื่อมต่อระหว่างลำไส้และช่องคลอด ทำให้มีอุจจาระหรือแก๊สเล็ดลอดออกมาทางช่องคลอด ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • เหงื่อและความอับชื้น: ช่องคลอดเป็นส่วนที่อับชื้นได้ง่าย ยิ่งถ้าคุณใส่เสื้อผ้ารัดแน่น เช่น กางเกงยีนหรือชุดชั้นในที่ไม่ระบายอากาศ ก็อาจจะเพิ่มความอับชื้นและทำให้เกิดกลิ่นได้ง่าย
  • การลืมถอดผ้าอนามัยแบบสอด: การลืมถอดผ้าอนามัยแบบสอดสามารถทำให้เกิดกลิ่นเหม็นรุนแรงคล้ายเนื้อเน่า เนื่องจากการสะสมของเชื้อโรค
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม: การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีกลิ่นหอม หรือ สารเคมีแรง ๆ เช่น สเปรย์หรือแผ่นซับกลิ่น อาจทำให้สมดุลของช่องคลอดเปลี่ยนไป ส่งผลให้เกิดการอักเสบและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น นอกจากนี้ การสวนล้างหรืออบไอน้ำบริเวณช่องคลอดยังสามารถทำให้แบคทีเรียที่ดีในช่องคลอดเสียสมดุลและทำให้กลิ่นเปลี่ยนไป
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ช่วงรอบเดือน การตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน อาจทำให้กลิ่นในช่องคลอดเปลี่ยนไป เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลต่อสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด
  • การไม่รักษาความสะอาดที่เหมาะสม: การไม่ล้างทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดอย่างเหมาะสม รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม หรือการไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าหลังออกกำลังกาย อาจทำให้เกิดความอับชื้นและมีกลิ่นได้
  • การรับประทานอาหารบางชนิด: อาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หรือปลา อาจส่งผลต่อกลิ่นของร่างกาย รวมถึงกลิ่นช่องคลอดด้วย
  • ภาวะขาดน้ำ (Dehydration): การขาดน้ำอาจทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้น ส่งผลให้กลิ่นปัสสาวะตกค้างในบริเวณอวัยวะเพศ และเกิดกลิ่นเหม็นคล้ายแอมโมเนียได้
  • กิจกรรมทางเพศ (Sex Activity): การมีเพศสัมพันธ์ หรือการใช้ของเล่นทางเพศ อาจทำให้กลิ่นเปลี่ยนไป เนื่องจากอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของค่า pH ในช่องคลอดจากการใช้ถุงยางอนามัย น้ำหล่อลื่น หรือการแลกเปลี่ยนสารคัดหลั่งระหว่างคู่รัก

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น มีวิธีแก้ และดูแลรักษาได้ง่าย ๆ

วิธีแก้กลิ่นเหม็นในช่องคลอดเบื้องต้นแบบง่าย ๆ ให้อวัยวะเพศมีกลิ่นกลับมาหอมสดชื่นได้อย่างปลอดภัย ชวนหลงใหลได้เหมือนเดิม ซึ่งส่วนใหญ่สามารถทำได้โดยวิธีการเหล่านี้

  • ล้างทำความสะอาดอย่างถูกวิธี: ล้างด้วยน้ำอุ่น โดยไม่จำเป็นต้องใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม การล้างภายนอกอย่างเบามือจะช่วยขจัดกลิ่นได้โดยไม่ทำลายค่า pH ของช่องคลอด
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างน้องสาวที่ถูกต้อง: การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจุดซ่อนเร้นที่ถูกต้องนั้นสำคัญเพราะจุดซ่อนเร้นเป็นส่วนที่บอบบางและต้องการการดูแลเฉพาะเจาะจง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น การระคายเคือง การติดเชื้อ หรือการเสียสมดุลของค่า pH ในบริเวณนั้น
  • ใส่เสื้อผ้าระบายอากาศได้ดี: เปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าฝ้ายหรือชุดชั้นในที่ระบายอากาศดี ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นได้ค่ะ
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด: การสวนล้างจะไปทำลายแบคทีเรียดีในช่องคลอด ทำให้สมดุลของค่า pH ผิดเพี้ยนไป และยิ่งเป็นเหตุให้กลิ่นรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นควรทำความสะอาดภายนอกเท่านั้น
  • เลือกทานอาหารที่ช่วยปรับสมดุล: ทานโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก เพราะจะช่วยเพิ่มแบคทีเรียดีในร่างกายที่ช่วยลดการเกิดกลิ่น หรือดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย ลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้
  • พบแพทย์หากกลิ่นรุนแรงหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย: หากกลิ่นเหม็นร่วมกับมีอาการคัน แสบ หรือมีตกขาวผิดปกติ แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาอย่างถูกต้อง

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น

ป้องกันไม่ให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและเลือกทานอาหาร

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการรับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่ทำได้เองที่บ้าน ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นน้องสาวเหม็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ให้เกิดปัญหาเรื้อรังและรุนแรง

1. รักษาความสะอาดด้วยการล้างน้ำเปล่าเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม เพราะอาจรบกวนสมดุลของแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอด

2. สวมใส่ชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี เลือกใช้ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายและระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงการใส่ชุดที่รัดแน่นเพื่อลดความอับชื้นที่อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์

3. เปลี่ยนผ้าอนามัยและแผ่นอนามัยบ่อย ๆ ทุก3-4 ชั่วโมง โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอม เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย

4. รับประทานอาหารที่ช่วยปรับสมดุลภายในช่องคลอด

  • โยเกิร์ต: อุดมไปด้วยโปรไบโอติกที่ช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียดีในช่องคลอด
  • กระเทียม: มีสารต้านแบคทีเรียและช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • น้ำเปล่า: ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันเพื่อช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย

5. ลดการบริโภคน้ำตาลและอาหารแปรรูป ที่มากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อราหรือแบคทีเรียในช่องคลอด ควรลดการบริโภคน้ำตาลและอาหารแปรรูปเพื่อรักษาสมดุลภายใน

6. หลีกเลี่ยงการล้างสวนช่องคลอด ด้วยน้ำยาต่าง ๆ อาจทำลายสมดุลแบคทีเรียและก่อให้เกิดการติดเชื้อหรือกลิ่นเหม็นได้ ควรล้างเฉพาะภายนอกด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น

7. ลดการบริโภคอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น หัวหอม กระเทียม หรืออาหารที่มีรสเผ็ดร้อน อาจส่งผลให้เกิดกลิ่นในร่างกายซึ่งอาจมีผลต่อกลิ่นช่องคลอดได้

8. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อซึ่งอาจช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในร่างกายได้

9. หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่อับชื้น หรือเปียก เช่น ชุดว่ายน้ำที่ไม่ได้เปลี่ยนทันทีหลังการใช้ เพื่อป้องกันความอับชื้นและการสะสมของแบคทีเรีย

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น

แนวทางการล้างช่องคลอด ไม่ให้มีกลิ่น ทำอย่างไรถึงจะดีที่สุด

การล้างและดูแลช่องคลอดอย่างถูกวิธีเป็นเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราต้องให้ความสำคัญ โดยการรักษาความสะอาดที่เหมาะสมสามารถทำได้ง่าย ๆ และปลอดภัย และเลือกใช้แนวทางที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ต่อไป

1. ล้างด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยใช้ล้างบริเวณภายนอก หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีน้ำหอมหรือสารเคมีแรง ๆ ซึ่งอาจทำลายสมดุลของแบคทีเรียดีในช่องคลอด และอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์

2. หลีกเลี่ยงการล้างสวนช่องคลอด ด้วยน้ำยาทำความสะอาดพิเศษหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้แบคทีเรียที่ดีเสียสมดุล ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อและกลิ่นไม่พึงประสงค์ การล้างเฉพาะบริเวณภายนอกจึงเพียงพอแล้ว

3. ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง โดยหลังจากเข้าห้องน้ำ ควรล้างทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอเพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคจากบริเวณทวารหนักเข้าสู่ช่องคลอด ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและกลิ่นได้

4. หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ที่ไม่สะอาด เพราะอาจก่อให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย ให้ใช้ผ้าที่สะอาดและแห้งสำหรับเช็ดบริเวณภายนอกให้แห้งหลังการล้าง

5. เปลี่ยนชุดชั้นในทุกวัน เลือกใช้ชุดชั้นในที่สะอาดและทำจากผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย เพื่อช่วยลดความอับชื้นและลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย

6. ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ได้รับการรับรองและไม่รบกวนสมดุล หากจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมและมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่เหมาะสมสำหรับช่องคลอด (ประมาณ 4.5) เพื่อไม่ให้สมดุลแบคทีเรียเสียหาย

7. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างที่มีสารเคมีหรือกลิ่นแรง ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและส่งผลต่อกลิ่นของช่องคลอดได้

8. ล้างด้วยน้ำอุ่นเบา ๆ และไม่ต้องถูแรง บริเวณช่องคลอด สามารถช่วยลดการระคายเคืองและรักษาสมดุลของแบคทีเรียที่ดีได้

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น

FAQ: ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น คำถามสุดฮิตที่เรามีคำตอบให้!

Q: น้องสาวมีกลิ่นเกิดจากอะไร ทำไมถึงมีกลิ่นเหม็น?

ตอบ: ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสะสมของเหงื่อหรือสิ่งสกปรก การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจรบกวนสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด อาจทำให้ช่องคลอดมีกลิ่น แต่ไม่คัน แต่ถ้าหากมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น คัน หรือ แสบ อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือสุขภาพของน้องสาวมีปัญหาที่ควรตรวจเช็กด่วน

Q: กลิ่นเหม็นในช่องคลอดเป็นอันตรายไหม?

ตอบ: ในบางกรณี กลิ่นเหม็นอาจเป็นเพียงผลมาจากการเปลี่ยนแปลงปกติของร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากมีกลิ่นรุนแรงผิดปกติ ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น คัน ระคายเคือง หรือมีตกขาวเปลี่ยนสี ควรรีบปรึกษาแพทย์

Q: การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอดช่วยได้ไหม?

ตอบ: การล้างทำความสะอาดช่องคลอดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือสารเคมีอาจทำให้สมดุลแบคทีเรียในช่องคลอดเสียไป และอาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ การล้างด้วยน้ำเปล่าสะอาดเพียงพอแล้วสำหรับการรักษาความสะอาดในบริเวณนี้

Q: ค่า pH ที่อยู่ในน้องสาวคืออะไร ทำไมต้องสมดุล?

ตอบ: ภายในจุดซ่อนเร้นของเรา จะมีค่า pH เป็นกรดอ่อน ๆ โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3.8-4.5 ซึ่งช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ไม่ดี การใช้สบู่ธรรมดาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นด่างสูงจะทำให้ค่า pH เสียสมดุล และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเชื้อราและการติดเชื้อได้

Q: การไม่เช็ดทำความสะอาดหลังปัสสาวะมีผลต่อกลิ่นช่องคลอดหรือไม่?

ตอบ: การไม่เช็ดทำความสะอาดหลังการปัสสาวะอาจทำให้ความชื้นสะสมในบริเวณนั้น ซึ่งสามารถก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ควรเช็ดทำความสะอาดเบา ๆ ด้วยกระดาษชำระสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังทุกครั้งเพื่อป้องกันปัญหากลิ่นและการติดเชื้อค่ะ

Q: ต้องล้างสวนช่องคลอดหรือไม่?

ตอบ: ไม่ควรล้างสวนช่องคลอด เนื่องจากการล้างสวนอาจทำลายแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอด ทำให้เกิดความไม่สมดุลและเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์

Q: มีอาหารที่ช่วยลดกลิ่นในช่องคลอดหรือไม่?

ตอบ: อาหารบางชนิด เช่น โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก สามารถช่วยเสริมสร้างสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดได้ การดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรืออาหารที่มีกลิ่นแรงอาจช่วยลดปัญหากลิ่นได้เช่นกัน

Q: ถ้าช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ควรทำอย่างไร?

ตอบ: หากกลิ่นเหม็นเกิดขึ้นหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรล้างทำความสะอาดภายนอกด้วยน้ำเปล่า และสังเกตอาการ หากกลิ่นยังคงอยู่หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์

Q: การใส่ผ้าอนามัยนานเกินไปมีผลต่อกลิ่นช่องคลอดหรือไม่?

ตอบ: การใส่ผ้าอนามัยหรือแผ่นอนามัยเป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้เกิดความอับชื้นและสะสมแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นได้ ควรเปลี่ยนบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค

Q: การออกกำลังกายมีผลต่อกลิ่นช่องคลอดหรือไม่?

ตอบ: การออกกำลังกายทำให้เกิดเหงื่อและความอับชื้น หากไม่ได้ล้างทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดหลังออกกำลังกาย อาจทำให้เกิดกลิ่นได้ ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกและล้างทำความสะอาดภายหลังการออกกำลังกายเสมอ

Q: ควรพบแพทย์เมื่อใด?

ตอบ: หากพบว่ามีกลิ่นรุนแรง มีตกขาวผิดปกติ สีหรือกลิ่นเปลี่ยนไป มีอาการคัน แสบ หรือเจ็บ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการตรวจและรักษาที่เหมาะสม

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ไม่ยาก ปรึกษาได้ที่ S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพคนเมือง

หากใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาช่องคลอดมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ โดยมีการดูแลความสะอาดที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารและการใช้ชีวิตประจำวันแล้วยังไม่เห็นผล จิมิมีกลิ่นคาวอยู่และสร้างความกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข

โดยที่ S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพคนเมือง มีบริการดูแลฟื้นฟูสุขภาพน้องสาว พร้อมตรวจสุขภาพฮอร์โมน หากน้องสาวมีกลิ่น แก้ยังไงก็ไม่ได้ อาจเกิดจากสาเหตุของฮอร์โมนที่ไม่สมดุล ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจเช็ก และปรับสมดุลฮอร์โมน ซึ่งที่ซีรีนก็มีโปรแกรม His & Her Wellness Lab Check Up(15,900 บาท) ตรวจวัดระดับฮอร์โมน 13 รายการ โดยสามารถนัดเข้ามาตรวจและนัดฟังผล เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา

นอกจากนี้ การที่เราดูแลน้องสาวได้ไม่ดีพอ อาจจะส่งผลในเรื่องของสุขภาพน้องสาว และเรื่องของกลิ่นแบบทางอ้อมได้ จึงควรเลือกโปรแกรมที่ดูแลและฟื้นฟูน้องสาวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพน้องสาวที่ดี ช่วยให้ดูแลได้ง่ายขึ้น อย่างโปรแกรม S’RENEFeminine Care (12,500 บาท/60 นาที) ดูแลน้องสาวด้วยนวัตกรรมสุดล้ำ ฟื้นฟูบริเวณจุดซ่อนเร้น (บริเวณแคม ปากช่องคลอด และภายในช่องคลอด) ด้วยคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียวที่ความถี่เฉพาะ 448 kHz

  • ช่วยให้น้องสาวกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลน้ำหล่อเลี้ยง แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
  • ช่วยให้น้องสาวฟิต และกระชับมากขึ้น แก้ปัญหาช่องคลอดหลวม
  • สามารถทำร่วมกับการรักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  • เพิ่มประสิทธิภาพ และอารมณ์ขณะมีเพศสัมพันธ์
  • ลดอาการปวด และภาวะอักเสบบริเวณอุ้งเชิงกรานและบริเวณอวัยวะเพศ

________________________________________________________________________

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Vaginal Odor. Cleveland Clinic.
https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/17905-vaginal-odor

What You Need to Know if Your Vagina Has a Fishy Odor. Healthline.
https://www.healthline.com/health/vaginal-health/what-you-need-to-know-if-your-vagina-has-a-fishy-odor#causes

Fishy Vaginal Odor: Causes and Solutions. Verywell Health.
https://www.verywellhealth.com/fishy-vaginal-odor-8414288

Vaginal Odor: Definition and Overview. Mayo Clinic.
https://www.mayoclinic.org/symptoms/vaginal-odor/basics/definition/sym-20050664

Bacterial Vaginosis. NHS.
https://www.nhs.uk/conditions/bacterial-vaginosis/

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่