มดลูกหย่อนเป็นภาวะที่ผู้หญิงหลายคนไม่ได้ค่อยใส่ใจ หรือยังไม่รู้จัก แม้แต่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังประสบปัญหานี้อยู่หรือเปล่าซะด้วยซ้ำ ซึ่งปัญหามดลูกหย่อนนี้ เกิดขึ้นเมื่อมดลูกเลื่อนต่ำลงมาจากตำแหน่งปกติในบริเวณอุ้งเชิงกราน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน และสุขภาพองค์รวม โดยเฉพาะในช่วงด้านล่าง อาการเบื้องต้นมักจะเริ่มจากความรู้สึกถ่วง หน่วง ๆ หรือกดดันในบริเวณช่องคลอด ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายและสูญเสียความมั่นใจได้
ภาวะมดลูกหย่อนเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายแล้ว ยังอาจกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้หญิงอีกด้วย การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ และการรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ โดยในบทความนี้ จะพาผู้หญิงทุกคนไปทำความรู้จักกับสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษามดลูกหย่อน เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพของตัวเอง และเตรียมพร้อมรับมือแก้ไขกับปัญหานี้ได้อย่างถูกวิธี โดยไม่ตกใจเกินไป หรือปล่อยละเลย
มดลูกหย่อน คืออะไร?
ภาวะมดลูกหย่อน คือภาวะที่มดลูกเลื่อนลงมาต่ำกว่าตำแหน่งปกติในบริเวณอุ้งเชิงกราน เนื่องจากกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อที่รองรับมดลูกนั้นอ่อนแรง หรือถูกทำลาย มักเกิดขึ้นในผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตรหลายครั้ง หรือมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น การยกของหนัก การมีอายุที่มากขึ้น หรือภาวะอ้วน อาการของมดลูกหย่อน หรือมดลูกต่ำอาการที่เห็นได้ชัด ก็จะมีตั้งแต่รู้สึกถ่วงในช่องคลอด ปัสสาวะลำบาก หรือปวดหลัง ซึ่งอาจรบกวนชีวิตประจำวัน และควรได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
มดลูกหย่อน เพราะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง ใช่หรือไม่?
ใช่ค่ะ มดลูกหย่อนมักเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงมดลูก และอวัยวะอื่น ๆ ในบริเวณอุ้งเชิงกราน เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้อ่อนแรง มดลูกอาจเลื่อนลงมาต่ำกว่าตำแหน่งปกติ ส่งผลให้เกิดอาการมดลูกหย่อน
มดลูกหย่อนอันตรายไหม รักษาให้หายขาดได้หรือไม่
ภาวะมดลูกหย่อน แม้จะสร้างความไม่สบายและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต แต่ไม่ถือเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต ผู้หญิงที่มีอาการมดลูกหย่อนสามารถรับการรักษาได้หลายวิธีตามความรุนแรงของอาการ ทั้งแบบไม่ผ่าตัดและการผ่าตัด ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการจะช่วยให้การรักษามดลูกหย่อนเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีโอกาสหายขาดได้สูง
มดลูกหย่อนเกิดขึ้นกับใครได้บ้าง
ภาวะมดลูกหย่อน สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงหลายกลุ่ม โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่แตกต่างกัน ซึ่งการรู้ตัวว่าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะช่วยให้เฝ้าระวังและหาวิธีป้องกันได้อย่างทันท่วงที
ผู้หญิงที่เคยผ่านการคลอดบุตรแบบธรรมชาติ
เนื่องจากแรงเบ่งและการที่ทารกผ่านช่องคลอดทำให้เกิดแรงกดดันต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ส่งผลให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่ยึดมดลูกอ่อนแอลง โดยเฉพาะการคลอดบุตรหลายครั้งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยง
ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้เนื้อเยื่อที่รองรับมดลูกและอวัยวะในอุ้งเชิงกรานเสื่อมถอย กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เคยแข็งแรงเริ่มอ่อนแอลง ส่งผลให้เกิดภาวะมดลูกหย่อนได้ง่าย
ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
น้ำหนักที่มากเกินจะสร้างแรงกดดันต่อช่องท้องและอุ้งเชิงกรานอย่างต่อเนื่อง ทำให้อวัยวะในช่องท้องถูกดันลงล่าง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะมดลูกหย่อน โดยเฉพาะเมื่อมีการออกแรงหรือยกของหนักบ่อยๆ
ผู้หญิงที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง
การเบ่งอุจจาระบ่อยครั้งและใช้แรงมากสร้างแรงกดดันต่ออุ้งเชิงกรานเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงมดลูกและอวัยวะในอุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่มักถูกมองข้ามในการเกิดภาวะมดลูกหย่อน
ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นมดลูกหย่อน
พันธุกรรมมีส่วนสำคัญต่อความแข็งแรงของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หากมีญาติสายตรงเช่นมารดาหรือพี่สาวเป็นภาวะมดลูกหย่อน คุณอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป แม้จะไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ก็ควรเฝ้าระวังและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
มดลูกหย่อนมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง?
สาเหตุมดลูกหย่อน เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ผู้หญิงแต่ละคนก็จะมีอาการ และปัญหาที่มดลูกหย่อนที่ไม่เหมือนกัน ได้แก่
- การคลอดบุตรหลายครั้ง: โดยเฉพาะการคลอดที่ใช้แรงกดดันมาก หรือการคลอดบุตรที่มีขนาดใหญ่
- อายุที่มากขึ้น: การเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกราน เป็นสาเหตุที่มดลูกหย่อนอันดับต้น ๆ
- กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง: มดลูกหย่อนเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ก็คือการที่อุ้งเชิงกรานที่คอยพยุงมดลูกอยู่นั้น มีปัญหา อ่อนแรง ทำให้มดลูกหย่อนลงมาทำที่บริเวณช่องคลอด จนเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา
- การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน: ฮอร์โมนเพศที่ไม่สมดุล มักจะส่งผลหลาย ๆ อย่างในร่างกาย โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเพศ มักเกิดขึ้นในวัยหมดประจำเดือน หรือภาวะวัยทอง ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นอ่อนแรง และเสี่ยงต่อการเกินภาวะมดลูกหย่อนตามมา
- ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน: โดยน้ำหนักส่วนเกินนั้น จะเป็นตัวการที่ช่วยไปเพิ่มแรงกดดันในอุ้งเชิงกราน อาจจะทำให้เสี่ยงต่อภาวะนี้ได้สูงมาก
- การยกของหนัก: เมื่อเรามีการใช้กล้ามเนื้อหนัก ๆ ก็สามารถทำให้กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานอ่อนแรง หากยกบ่อย ๆ เป็นประจำ ก็เสี่ยงมดลูกกหย่อนได้
- การไอเรื้อรัง: เพิ่มแรงกดดันในช่องท้อง และอุ้งเชิงกราน
อาการของมดลูกหย่อน เป็นอย่างไร?
อาการของมดลูกหย่อนนั้น สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ จากหลายอาการ ในกรณีที่ถ้าอาการไม่รุนแรงมากนัก ก็อาจจะมีอาการที่แสดงออกมาไม่ค่อยชัดเจน แต่ถ้าหากมีอาการมดลูกต่ำเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และทำการรักษาที่เหมาะสม หรือรู้ทันก่อนที่จะมีอาการหนักเกินไป
- รู้สึกถ่วงหรือกดดันภายในช่องคลอด: ความรู้สึกเหมือนว่าจะมีบางอย่างเลื่อนลงมาต่ำในช่องคลอด รู้สึกหน่วง ๆ ในช่องคลอด อาจจะเป็นเพราะว่ามดลูกหย่อนเข้าในช่องคลอด
- รู้สึกมีบางอย่างโป่งนูนออกมาจากช่องคลอด: ต้องคอยดันกลับเข้าไปบ่อย ๆ เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างหลุดออกมาตรงช่องคลอด
- ปวดหลังส่วนล่าง: อาการปวดเรื้อรังที่บริเวณด้านหลังส่วนล่าง หรือมีอาการปวดที่อุ้งเชิงกราน อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่า กำลังมีอาการมดลูกหย่อน
- ปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะเล็ด: อาจมีปัญหาในการควบคุมปัสสาวะ กลั้นฉี่ไม่ได้ หรือฉี่บ่อย ๆ
- มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ: ขับถ่ายลำบาก ไม่ค่อยขับถ่าย
- รู้สึกไม่สบายเมื่อมีเพศสัมพันธ์: อาจจะเป็นเพราะปากมดลูกหย่อน ส่งผลให้มีความรู้สึกเจ็บ ๆ หรือไม่สบายในขณะมีเพศสัมพันธ์
- มีเลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ: ควรรีบพบแพทย์ทันที หากเช็กแล้วว่าไม่ใช่ประจำเดือน แต่เป็นเลือดออกมาแบบผิดปกติในช่องคลอด
- การเคลื่อนไหวลำบาก: รู้สึกอึดอัด หรือมีปัญหาเวลาที่มีการเคลื่อนไหว หรือเดินมาก ๆ
วิธีเช็คมดลูกหย่อนด้วยตัวเอง
เบื้องต้นผู้หญิงสามารถ เช็กมดลูกหย่อนด้วยตัวเองได้ โดยสังเกตความรู้สึกถ่วงในช่องคลอด หรือรู้สึกว่ามีบางอย่างเลื่อนลงมาเมื่อยืน หรือเดิน รวมถึงเช็กดูว่า หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
อันตรายแค่ไหน? มาเช็กระดับความรุนแรงของอาการมดลูกหย่อนกันดีกว่า!
ระดับความรุนแรงของอาการมดลูกหย่อนสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับ โดยอาการในแต่ละระดับก็จะมีความรุนแรงขึ้นอยู่กับการหย่อน และเคลื่อนที่ของมดลูกมากน้อยแค่ไหน ดังนี้
- ระดับที่ 1: มดลูกหย่อนลงมาเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในช่องคลอด อยู่ในระดับเล็กน้อย
- ระดับที่ 2: มดลูกหย่อนลงมาจนถึงปากช่องคลอด อยู่ในระดับปานกลาง
- ระดับที่ 3: มดลูกหย่อนออกมานอกปากช่องคลอดบางส่วน อยู่ในระดับรุนแรง
- ระดับที่ 4: มดลูกหย่อนออกมานอกช่องคลอด ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่รุนแรงที่สุด
การรักษามดลูกหย่อน ไม่ยาก และน่ากลัวอย่างที่คิด
การรักษามดลูกหย่อน ตามระดับอาการ ในแต่ละระดับก็จะมีการรักษาที่ต่างกัน ๆ ออกไป หากมีอาการไม่การรักษามดลูกหย่อน ตามระดับอาการ ในแต่ละระดับก็จะมีการรักษาที่ต่างกัน ๆ ออกไป หากมีอาการไม่รุนแรงมาก อาจจะแค่มาทำทรีตเมนต์เพิ่มความแข็งแรงให้อุ้งเชิงกราน ออกกำลังให้ถูกวิธี ดูแลตัวเองได้ในระดับนึง แต่ถ้าหากอาการหนัก หรือรุนแรง อาจจะต้องมีการผ่าตัด เพื่อเอามดลูกออกมา
โดยการเลือกวิธีรักษามดลูกหย่อนในแต่ละระดับ จะขึ้นอยู่กับอาการ และความเหมาะสมของผู้ป่วย ควรมีการปรึกษาแพทย์เพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และวิธีแก้ไขมดลูกหย่อนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษามดลูกหย่อน
ระดับที่ 1: มดลูกหย่อนเล็กน้อย
อาการ: มดลูกหย่อนลงมาบางส่วนเล็กน้อย แต่อยู่ในช่องคลอด อาจไม่มีอาการชัดเจน บางคนอาจรู้สึกถึงแรงดึงหรือน้ำหนักในบริเวณอุ้งเชิงกราน หรืออาจรู้สึกว่ามีบางอย่าง “ห้อย” อยู่ในช่องคลอด
การรักษา:
- การออกกำลังกาย Kegel: การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเป็นวิธีหลักที่แนะนำ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง และสามารถป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: หลีกเลี่ยงการยกของหนัก และพยายามรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- การใช้ฮอร์โมนเฉพาะที่: ในบางกรณีอาจใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพื่อเสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในบริเวณช่องคลอด
- ทำทรีตเมนต์ดูแลน้องสาว: โดยในปัจจุบันนี้มีโปรแกรมสำหรับน้องสาวมากมาย ทั้งช่วยฟื้นฟู เพิ่มความแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่อง Indiba หรือ Magneto เพื่อเป็นการป้องกันก่อนอาการจะหนัก
ระดับที่ 2: มดลูกหย่อนปานกลาง
อาการ: มดลูกหย่อนลงมามากกว่าเดิมจนใกล้กับทางเปิดของช่องคลอด อาจเริ่มมีอาการที่ชัดเจนขึ้น เช่น ความรู้สึกอึดอัดในช่องคลอด ปวดหลังส่วนล่าง หรือมีปัญหาในการปัสสาวะ หรือขับถ่าย
การรักษา:
- การใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง (Pessary): หากแพทย์เริ่มมองเห็นว่าอาการไม่ดี จะมีการให้ใช้อุปกรณ์พยุงที่ใส่ในช่องคลอด หรือใส่ห่วงมดลูกหย่อน ที่มีลักษณะเป็นโดนัท เพื่อช่วยประคองมดลูกให้อยู่ในตำแหน่งปกติ ซึ่งการใช้งานก็จะขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์
- การออกกำลังกาย Kegel: ยังคงเป็นส่วนสำคัญของการรักษา เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- การใช้ฮอร์โมนเฉพาะที่: อาจใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามดลูกหย่อน
- รักษาอย่างต่อเนื่องด้วย Magneto: เพื่อให้การรักษาเป็นได้ด้วยดี และมีประสิทธิภาพ ควรมานั่งเก้าอี้ Magneto เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับอุ้งเชิงกรานอยู่เป็นระยะ และช่วยเสริมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
ระดับที่ 3: มดลูกหย่อนรุนแรง
อาการ: มดลูกหย่อนลงมาจนถึง หรือเกินกว่าทางเปิดของช่องคลอด อาจเห็นหรือรู้สึกถึงมดลูกที่หย่อนออกมา บางครั้งอาจมีปัญหาในการเดินหรือทำกิจกรรมต่างๆ อาการปวดหลัง และความรู้สึกไม่สบายตัวมักชัดเจนขึ้น
การรักษา:
- การผ่าตัดซ่อมแซมอุ้งเชิงกราน: แพทย์จะทำการซ่อมแซม แก้มดลูกหย่อน และเสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่ออุ้งเชิงกราน ซึ่งอาจใช้วัสดุสังเคราะห์ หรือเนื้อเยื่อของผู้ป่วยเอง
- การผ่าตัดยกมดลูก: การยกมดลูกให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งปกติ โดยใช้ไหม หรือวัสดุสังเคราะห์ในการผูกยึดมดลูก ช่วยแก้ไขมดลูกหย่อน
- การผ่าตัดมดลูกออก: ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก หรือไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่น อาจต้องพิจารณาการผ่าตัดเอามดลูกออก สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการจะมีลูกแล้ว
- ดูแลหลังผ่าตัดด้วยโปรแกรมฟื้นฟูน้องสาว: ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในโปรแกรมต่าง ๆ จะช่วยฟื้นฟู และเร่งการซ่อมแซม พร้อมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ไม่ว่าจะใช้เครื่อง Indiba หรือ Magneto ก็จะช่วยทำให้อุ้งเชิงกรานแข็งแรง และฟื้นฟูเร็วขึ้น
ระดับที่ 4: มดลูกหย่อนเต็มที่ มีอาการรุนแรงที่สุด
อาการ: มดลูกหย่อนออกมานอกช่องคลอด ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด และอาจมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การติดเชื้อ หรือการระคายเคืองของผิวหนัง เป็นภาวะที่รุนแรงที่สุด ควรรีบแก้ไขมดลูกหย่อน และอาจเน้นที่การผ่าตัดมดลูกหย่อนเป็นหลัก
การรักษา:
- การผ่าตัดมดลูกออก: เป็นวิธีรักษาหลักในกรณีนี้ เนื่องจากอาการรุนแรง และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การผ่าตัดจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การดูแลหลังการผ่าตัด: หลังจากการผ่าตัด ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อฟื้นฟูร่างกายและป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำ
- ทำทรีตเมนต์ฟื้นฟูช่องคลอด และอุ้งเชิงกราน หลังผ่าตัด: สำหรับคนที่รักษา หรือมีการผ่าตัดแล้ว สามารถทำโปรแกรมฟื้นฟูน้องสาว เพื่อให้กลับมามีสุขภาพที่ดี และมีอุ้งเชิงกรานที่แข็งแรงขึ้น
การป้องกันมดลูกหย่อน ด้วยตัวเอง เริ่มวันนี้ สุขภาพดีแล้ว!
การป้องกันมดลูกหย่อนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ผ่านการดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกายที่ถูกวิธี การเรียนรู้วิธีป้องกัน และรักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ แต่ยังช่วยให้ผู้หญิงมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว ดังนั้นเช็คมดลูกหย่อน แล้วมาทำความรู้จักกับวิธีป้องกันมดลูกหย่อนด้วยตัวเองกันเถอะ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก: การยกของหนักซ้ำ ๆ อาจเพิ่มแรงกดดันในช่องท้อง และอุ้งเชิงกราน ควรใช้ท่าทางที่ถูกต้องในการยกของ และหลีกเลี่ยงการยกของหนักเกินไป
- ควบคุมน้ำหนัก: การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จะช่วยลดแรงกดดันต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้
- ป้องกันอาการท้องผูก: การเบ่งในขณะที่ถ่ายอุจจาระ อาจเพิ่มแรงกดดันในช่องท้องได้ ดังนั้นควรบริโภคอาหารที่มีกากใยสูง และดื่มน้ำให้เพียงพอ
- การออกกำลังกายกระชับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน: การฝึกท่า Kegel เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยกระชับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพียงทำการขมิบกล้ามเนื้อที่ใช้หยุดการปัสสาวะเป็นเวลา 5-10 วินาที
- ป้องกันและรักษาโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง: โรคเหล่านี้อาจทำให้เกิดการไอเรื้อรัง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันในช่องท้อง ส่งผลให้มีการขยับ และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะมดลูกหย่อน
- ทำทรีตเมนต์เพื่อฟื้นฟูน้องสาว และเพิ่มความแข็งแรงให้อุ้งเชิงกราน: หากมีเวลา และงบ แนะนำว่า ให้หาทรีตเมนต์ที่ช่วยในเรื่องของเพิ่มความแรงให้อุ้งเชิงกราน หรือช่วยให้กล้ามเนื้อช่องคลอดแข็งแรง ก็จะเป็นการดูแล และป้องกันได้ในระดับนึง อีกทั้งยังเป็นการดูแลสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
ออกกำลังกายแก้อาการมดลูกหย่อน
การออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เช่น การฝึกขมิบ หรือท่าออกกำลังกายต่าง ๆ ซึ่งการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี และการออกกำลังกายที่เหมาะสม จะช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงของภาวะมดลูกหย่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการออกกำลังกายสำหรับแก้อาการมดลูกหย่อนเน้นที่การเสริมสร้างกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงมดลูกให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง สามารถออกกำลังกายท่ากระชับมดลูกหย่อนได้ตามนี้
1. ท่า Kegel
- วิธีทำ: ขมิบกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหยุดปัสสาวะ ค้างไว้ 5-10 วินาที แล้วปล่อย ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซต ทำวันละ 3 เซต
- ประโยชน์: ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ป้องกันและบรรเทาอาการมดลูกหย่อน
2. ท่า Bridge
- วิธีทำ: นอนหงาย งอเข่า วางเท้าราบกับพื้น ยกสะโพกขึ้นให้ลำตัวเป็นเส้นตรงจากหัวไหล่ถึงหัวเข่า ค้างไว้ 5 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
- ประโยชน์: ช่วยเสริมกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและสะโพก ลดแรงกดดันต่อมดลูก
3. ท่า Squat
- วิธีทำ: ยืนแยกเท้ากว้างเท่าหัวไหล่ งอเข่าลดสะโพกลงเหมือนนั่งเก้าอี้ โดยที่หลังตรงและเข่าไม่เกินปลายเท้า ค้างไว้ 5 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
- ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อรอบอุ้งเชิงกรานและสะโพก ช่วยรักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่รองรับมดลูก
ตรวจและรักษาอาการมดลูกหย่อนที่ S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพสำหรับคนเมือง
สำหรับที่ S’RENE by SLC จะมีโปรแกรมการตรวจ และรักษาอาการมดลูกหย่อน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งในขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นด้วยการประเมินอาการอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม และแก้ไขหาสาเหตุ อาจจะต้องมีการตรวจสุขภาพฮอร์โมนเพศ เพื่อนำมาประกอบในการรักษา และยังมีการรักษาอื่น ๆ ดังนี้
- ตรวจอัลตร้าซาวด์: โดยการตรวจอัลตร้าซาวด์จะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสภาพ และระดับความรุนแรงของมดลูกหย่อนได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ การตรวจนี้ยังช่วยวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มความแข็งแรงน้องสาวด้วยเครื่อง Indiba: สำหรับโปรแกรม Feminine Care ที่ S’RENE by SLC จะช่วยฟื้นฟูและรักษาน้องสาว หรือช่องคลอดของเราให้กลับมามีสุขภาพที่ โดยจะเป็นการทำทรีตเมนต์ด้วยเครื่อง Indiba ที่จะส่งพลังคลื่นความถี่วิทยุ เข้าไปเร่งการฟื้นฟู และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยจะมีการทำทั้งหมด 3 ระดับ 3 หัว ผสานเทคนิคพิเศษโดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความกระชับ ชุ่มชื้น อุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้น และสีผิวด้านนอกที่ดูสดใส
- เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้วย Magneto STYM™ Therapy: เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่ดี และช่วยป้องกันภาวะมดลูกหย่อน ซึ่งสามารถทำการรักษาได้แบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่นั่งไม่กี่นาที ก็จะรู้สึกได้ถึงการหดตัวหรือขมิบ (Kegel exercise) บริเวณกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง เหมือนได้ขมิบ 50,000 ครั้ง ภายใน 30 นาที หากทำอย่างต่อเนื่อง จะรู้สึกได้ถึงความกระชับช่องคลอดหลวม กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่แข็งแรงขึ้น ลดอาการปัสสาวะเล็ด พร้อมช่วยแก้ปัญหาภาวะมดลูกหย่อนได้
สามารถเข้ามารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน His & Her Wellness กับ S’RENE by SLC หรือมาตรวจสุขภาพเพศเพื่อดูว่ามีปัญหาสุขภาพเพศ หรือมารักษาอาการมดลูกหย่อนโดยเฉพาะก็ได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่ LINE: @SRENEbySLC
สามารถเข้ามารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน His & Her Wellness กับ S’RENE by SLC หรือมาตรวจสุขภาพเพศเพื่อดูว่ามีอาการช่องคลอดแห้งหรือไม่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่
▪️ สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
▪️ สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
▪️ สาขา สยาม – โทร 064 139 6390 และ 081-249-6392
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Uterine Prolapse. Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/16030-uterine-prolapse
Prolapsed Uterus. Better Health Channel. https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/conditionsandtreatments/prolapsed-uterus
Prolapsed Uterus. WebMD.https://www.webmd.com/women/prolapsed-uterus
Uterine Prolapse: Symptoms and Causes. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/uterine-prolapse/symptoms-causes/syc-20353458
อ้างอิง แบบ APA
Uterine prolapse – Symptoms and causes
How to Treat a Prolapsed Uterus
Uterine Prolapse: Stages, Symptoms, Treatment & Surgery
สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่