ฮอร์โมนไม่ใช่แค่เรื่อง “รอบเดือน” แต่เป็นระบบควบคุมชีวิตแบบ 24/7 ตั้งแต่ผิวพรรณ อารมณ์ พลังงาน การนอน ไปจนถึงกระดูกและหัวใจ เคยรู้สึกไหมว่าบางวันก็แฮปปี้ดี๊ด๊าสุด ๆ แต่อีกวันกลับรู้สึกจมดิ่งแบบไม่มีสาเหตุ หรือบางวันกลับรู้สึกว่าเหนื่อยง่ายไม่อยากทำอะไรไปทั้งวัน แถมผิวพรรณไม่สดใส ทั้ง ๆ ที่ก็ดูแลตัวเองอย่างดี นี่แหละคือ ฮอร์โมนเพศหญิง ช่วงไหนเครียดจัด นอนน้อย หรือย่างเข้าสู่วัยใกล้หมดประจำเดือน ผลที่ตามมาคือ อารมณ์แปรปรวน เป็นสิวง่าย เหนื่อยง่าย นอนหลับยาก ผิวแห้ง ความมั่นใจหายวับไปเลยก็เกิดขึ้นได้ ว่าแต่อาการเหล่านี้จะแก้ได้ไหมนะ?
วันนี้แอดเลยขอชวนมาทำความเข้าใจเรื่อง ฮอร์โมนเพศหญิง คืออะไร ทำงานอย่างไร เพื่อให้รู้เท่าทันร่างกาย และหาทางออกให้กับปัญหา ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล ตามมาดูกันเลยกับคู่มือฮอร์โมนแบบฉบับง่าย ๆ ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก
ไขความลับ! ฮอร์โมนเพศหญิง คืออะไร ทำไมต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
ฮอร์โมนเพศหญิง คือสารเคมีที่ร่างกายผลิตขึ้นเอง เปรียบเสมือนเมสเซนเจอร์ที่คอยส่งสารสั่งการระบบต่างๆ ในร่างกายของผู้หญิงให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นระบบสืบพันธุ์ การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ แต่บทบาทของฮอร์โมนไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ฮอร์โมนเพศหญิงยังครอบคลุมไปถึงการรักษามวลกระดูก ความชุ่มชื้นของผิวพรรณ การเผาผลาญไขมัน และที่สำคัญคือเรื่องของปัญหาอารมณ์แปรปรวน ที่สาว ๆ หลายคนต้องเจอ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฮอร์โมนเหล่านี้เสียสมดุล ชีวิตก็อาจจะแกว่ง ๆ ไปบ้าง แต่ไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะทุกอย่างจัดการได้เสมอ

ส่องตัวท็อป! ฮอร์โมนเพศหญิง มีอะไรบ้าง?
ในร่างกายของผู้หญิงเรามีฮอร์โมนมากมายที่ทำงานร่วมกัน แต่มีฮอร์โมนหลักๆ ที่เป็นเหมือนตัวเอกคอยควบคุมความเป็นหญิงของเราอยู่ ซึ่งแต่ละตัวก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนแห่งความสาวสะพรั่ง
ฮอร์โมนเอสโตรเจน คือนางเอกตัวจริงที่ทำให้ผู้หญิงอย่างเราสมบูรณ์แบบ ฮอร์โมนตัวนี้ผลิตจากรังไข่เป็นหลัก มีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาร่างกายให้มีสรีระแบบผู้หญิงโดยเฉพาะ เช่น การมีหน้าอก สะโพกผาย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ผิวนุ่มชุ่มชื้น มีน้ำมีนวล นอกจากนี้ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ยังช่วยควบคุมรอบเดือน และมีผลต่อสมองและอารมณ์ ทำให้เรามีความรู้สึกอ่อนโยน แต่ถ้ามีมากหรือน้อยไป ก็อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำ น้ำหนักขึ้นง่าย หรือมีปัญหาเรื่องประจำเดือนได้ด้วยเหมือนกัน
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ฮอร์โมนสายซัพพอร์ต เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์
ถ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนคือนางเอก ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ก็คือเพื่อนนางเอกคนสำคัญที่ขาดไม่ได้! ฮอร์โมนตัวนี้จะถูกผลิตออกมาในช่วงครึ่งหลังของรอบเดือนหลังจากไข่ตก มีหน้าที่หลักในการเตรียมความพร้อมให้มดลูกสำหรับการตั้งครรภ์ ทำให้เยื่อบุมดลูกหนาตัวขึ้นรอรับการฝังตัวของตัวอ่อน แต่ถ้าฮอร์โมนตัวนี้ไม่สมดุล เช่น มีน้อยเกินไป อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือส่งผลต่อการมีบุตรยาก ในทางกลับกัน ถ้ามีมากไปก็อาจเป็นสาเหตุของอารมณ์แปรปรวน อาการหงุดหงิดโมโหง่าย หรือที่สาวๆ เรียกกันว่าอาการ PMS (Premenstrual Syndrome) ก่อนมีประจำเดือนนั่นเอง
FSH (Follicle Stimulating Hormone) ฮอร์โมนผู้ปลุกปั้นไข่ให้เติบโต
ฮอร์โมน FSH ฮอร์โมนตัวนี้เปรียบเสมือนผู้จัดการส่วนตัวที่ถูกส่งมาจากต่อมใต้สมอง มีหน้าที่โดยตรงในการกระตุ้นฟองไข่ในรังไข่ให้เจริญเติบโตในแต่ละเดือน หากร่างกายตรวจพบว่าคุณภาพหรือจำนวนไข่ลดลง สมองจะหลั่ง FSH ออกมามากขึ้นเหมือนเป็นการส่งสัญญาณเร่งให้รังไข่ทำงานหนักขึ้น ดังนั้นระดับ FSH ที่สูงเกินไปจึงอาจเป็นสัญญาณของภาวะรังไข่เสื่อมหรือการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนก่อนกำหนดได้ ในทางกลับกัน หากระดับ FSH ต่ำไปก็อาจส่งผลให้ไข่ไม่โตและมีบุตรยากได้นั่นเอง

LH (Luteinizing Hormone) ฮอร์โมนผู้ส่งสัญญาณให้ไข่ตก
เมื่อไข่โตเต็มที่แล้ว ก็ถึงคิวเปิดตัวของฮอร์โมนลูทีไนซิ่ง (LH) ที่เป็นเหมือนคนให้สัญญาณปล่อยตัวนักกีฬา! LH จะถูกหลั่งจากต่อมใต้สมองเช่นกัน และจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อกระตุ้นให้ไข่สุกเต็มที่และตกออกจากรังไข่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของผู้ที่วางแผนจะมีลูกน้อยนั่นเอง หากระดับ LH ต่ำไปก็จะไม่มีการตกไข่ แต่ถ้าสูงเกินไปในระยะเวลายาวนานก็อาจเป็นสัญญาณของภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) ได้นะ ซึ่งระดับ LH ที่สูงเพียงค่าเดียวก็ยังไม่สามารถยืนยันภาวะ PCOS ได้โดยตรง จึงจำเป็นต้องตรวจประเมินร่วมกับอาการ ผลอัลตราซาวนด์ และค่าฮอร์โมนอื่นๆ กับแพทย์เฉพาะทางโดยตรง
เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ฮอร์โมนลับที่ผู้หญิงก็ต้องมีเช่นกัน
อย่าเพิ่งตกใจ! แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นฮอร์โมนเพศชาย แต่ในร่างกายผู้หญิงก็มีเทสโทสเตอโรน ในปริมาณน้อยๆ เช่นกัน ซึ่งสำคัญมากๆ เพราะเป็นตัวช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก เพิ่มพลังงาน ความกระฉับกระเฉง และที่สำคัญคือเป็นตัวกระตุ้นความต้องการทางเพศ หากฮอร์โมนตัวนี้ต่ำเกินไป อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย อ่อนแรง และความรู้สึกทางเพศลดลงได้
- อารมณ์แปรปรวนขั้นสุด อาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วีนเหวี่ยงง่าย หรือรู้สึกเศร้าดิ่งแบบไม่มีเหตุผล
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ บางเดือนก็มาให้เห็น แต่บางเดือนก็หายไปเลย บางเดือนก็มามากไปหรือน้อยเกินไป หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง
- น้ำหนักขึ้นลงง่าย บางเดือนรู้สึกว่าอ้วนง่ายขึ้น ทั้งที่กินเท่าเดิม เพราะระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ดี
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ
- ปัญหาผิวและผม สิวเห่อผิดปกติ ผิวแห้งกร้าน ผมร่วงมากกว่าเดิม
- ความต้องการทางเพศลดลง รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนเคย
- อาการวัยทอง สำหรับผู้หญิงวัย 40+ อาจมีอาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ ช่องคลอดแห้งได้
อารมณ์แปรปรวนเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศหญิงอย่างไร?
อารมณ์ของเราได้อิทธิพลจากสารสื่อประสาทในสมอง (เช่น เซโรโทนิน โดพามีน กาบา) ซึ่ง ฮอร์โมนเพศหญิง อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมีบทบาทปรับจูนระบบเหล่านี้ ดังนั้นเมื่อฮอร์โมนเสียสมดุลหรือผันผวนเร็ว จึงอาจเกิดอารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล หงุดหงิด หรือนอนไม่หลับได้ แต่ไม่ได้แปลว่าฮอร์โมนคือสาเหตุเดียวเสมอไป มักเป็นการทำงานร่วมกับปัจจัยอื่น เช่น ความเครียด การนอน โภชนาการ โรคประจำตัว และยาบางชนิด
- เอสโตรเจน (Estrogen) มีผลหนุนระบบเซโรโทนินและโดพามีน จึงสัมพันธ์กับอารมณ์ที่นิ่งขึ้น ช่วยให้พลังงานดี สมาธิดี แต่เมื่อเอสโตรเจนลดลงอย่างรวดเร็ว เช่น ช่วงปลายระยะลูเทียล ช่วงหลังคลอด หรือช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน อาจกระตุ้นอารมณ์เหวี่ยงวีน หดหู่ หรือสมาธิสั้นลงได้
- โปรเจสเตอโรน (Progesterone) หากโปรเจสเตอโรนขึ้น-ลงเร็วเกินไป อาจเกิดอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด วิตกกังวล และนอนหลับยากได้
- ฮอร์โมนอื่นที่กระทบอ้อมๆ เช่น ไทรอยด์ (TSH/FT4/FT3), อินซูลิน หรือภาวะดื้อต่ออินซูลิน (สัมพันธ์กับ PCOS ในบางราย), คอร์ติซอลจากความเครียด, โพรแลคติน ล้วนส่งผลต่อพลังงานและอารมณ์ทั้งสิ้น

ทำไมช่วงนี้ถึงรู้สึกอ่อนไหวง่ายกว่าปกติ
ช่วงรอบเดือน
- ระยะก่อนการตกไข่ ระยะนี้เอสโตรเจนค่อยๆ สูง โดยมากจะส่งผลให้อารมณ์นิ่งขึ้น
- ช่วงครึ่งหลังของรอบเดือน ระยะนี้เอสโตรเจน หรือโปรเจสเตอโรนลดฮวบ อาจพบอาการ PMS ได้ เช่น หงุดหงิด ร้องไห้ง่าย อยากอาหารคาร์บ ของหวานๆ ได้
- อาการ PMDD คือรูปแบบที่รุนแรงกว่า PMS มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน ควรประเมินและเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์โดยตรง

ช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน หรือช่วงหมดประจำเดือน ฮอร์โมนแกว่งไม่สม่ำเสมอ อาการร้อนวูบวาบ การนอนที่ไม่ได้คุณภาพ จึงส่งผลต่ออารมณ์แปรปรวนได้โดยตรง

ช่วงหลังคลอด การลดลงอย่างรวดเร็วของเอสโตรเจน หรือโปรเจสเตอโรน รวมกับการอดนอนและความเครียดจากการดูแลลูกน้อย อาจเกิด Baby blues หรือ อาการซึมเศร้าหลังคลอดชั่วคราว หากมีอาการซึมเศร้าและรู้สึกว่างเปล่ารุนแรงเกินกว่า 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อคัดกรองภาวะซึมเศร้าหลังคลอดโดยตรง

การดูแลตัวเองในช่วงอารมณ์แปรปรวน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชม. และควรงดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ในช่วงค่ำ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเวทเทรนนิ่ง แอโรบิกเบาๆ ช่วยสมดุลสารสื่อประสาทและการนอน
- เลือกอาหารที่มีคุณภาพ โปรตีนคุณภาพ ผักหลากสี ไขมันดี ลดน้ำตาลง่าย ลดแป้งขัดสี ช่วยความไวต่ออินซูลินและเสถียรภาพทางอารมณ์
- จัดการความเครียด ลองหายใจเข้าออกแบบ 4-7-8 และเล่นโยคะเบาๆ วันละ 5-10 นาทีต่อวัน
- ติดตามอาการในช่วงมีรอบเดือน (Mood & Cycle Tracking) เพื่อสังเกตพฤติกรรมที่มีอยู่ซ้ำๆ จะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น
- ลองพิจารณาการเข้าพบนักจิตบำบัด สำหรับผู้ที่มีอาการ PMS หรือ PMDD และภาวะอารมณ์แปรปรวน เพื่อรับการดูแลกับนักจิตบำบัดหรือจิตแพทย์โดยตรง
- ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม หรือชนิดฮอร์โมนเดี่ยว บางสูตรช่วยลดอาการช่วงมีรอบเดือนได้ในบางคน ซึ่งผลลัพธ์แตกต่างกันรายบุคคล ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
- สำหรับวัยหมดประจำเดือนพิจารณาการพบแพทย์เพื่อรับฮอร์โมนทดแทน HRT (Hormone Replacement Therapy) ที่จะเน้นบรรเทาอาการ ควรประเมินความเสี่ยงรายบุคคลกับแพทย์โดยตรงเท่านั้น
หมายเหตุ **ไม่ควรหยุดยาหรือปรับยาอารมณ์เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ที่สำคัญควรตัดสินใจพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยตรง เพื่อจะได้รับการดูแลที่เหมาะสมกับเราโดยเฉพาะ
สัญญาณเตือน! เมื่อฮอร์โมนเริ่มสวิงจนเสียสมดุล
เมื่อไหร่ก็ตามที่ระดับ ฮอร์โมนเพศหญิง ในร่างกายเกิดความไม่สมดุล ร่างกายของเราจะส่งสัญญาณเตือนออกมาในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสังเกตได้ไม่ยาก ลองเช็กดูสิว่าคุณมีอาการเหล่านี้บ้างหรือเปล่า หากกำลังเผชิญกับอาการเหล่านี้ อย่าเพิ่งนอยด์ไปนะตัวเอง เพราะนี่คือเรื่องที่สามารถจัดการและแก้ไขได้เพียงแต่เราต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษเท่านั้นนะ
- อารมณ์แปรปรวนขั้นสุด อาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วีนเหวี่ยงง่าย หรือรู้สึกเศร้าดิ่งแบบไม่มีเหตุผล
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ บางเดือนก็มาให้เห็น แต่บางเดือนก็หายไปเลย บางเดือนก็มามากไปหรือน้อยเกินไป หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง
- น้ำหนักขึ้นลงง่าย บางเดือนรู้สึกว่าอ้วนง่ายขึ้น ทั้งที่กินเท่าเดิม เพราะระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ดี
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ
- ปัญหาผิวและผม สิวเห่อผิดปกติ ผิวแห้งกร้าน ผมร่วงมากกว่าเดิม
- ความต้องการทางเพศลดลง รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนเคย
- อาการวัยทอง สำหรับผู้หญิงวัย 40+ อาจมีอาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ ช่องคลอดแห้งได้

กลับสู่สมดุลที่สมบูรณ์แบบด้วยโปรแกรมปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง S’RENE Hormonal Balance for Women ที่ S’RENE by SLC
การดูแลตัวเองเบื้องต้น เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่ดีและช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนได้ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับบางคนที่ปัญหาฮอร์โมนเสียสมดุลส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างจริงจัง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคือทางออกที่ดีที่สุด
ที่ S’RENE by SLC เราเข้าใจความซับซ้อนของร่างกายผู้หญิงอย่างลึกซึ้ง จึงได้ออกแบบ โปรแกรมปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง (S’RENE Hormonal Balance for Women) ขึ้นมาโดยเฉพาะ โปรแกรมนี้ไม่ใช่แค่การรักษาไปตามอาการ แต่เป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ออกแบบมาเพื่อสาวๆ โดยเฉพาะ
เราเริ่มต้นด้วยการตรวจวิเคราะห์ระดับฮอร์โมนอย่างละเอียดโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา จากนั้นจึงวางแผนการดูแลแบบเฉพาะบุคคลที่ผสมผสานนวัตกรรมทางการแพทย์เข้ากับการปรับไลฟ์สไตล์ เพื่อฟื้นฟูร่างกายจากภายในสู่ภายนอก คืนความสมดุลและความสดใสให้กับสาวๆ อีกครั้ง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยไหน ก็สามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นใจได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

เส้นทางสู่ความสมดุลฉบับ S’RENE by SLC
เราเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน โปรแกรมของเราจึงถูกออกแบบให้เป็นของคุณโดยเฉพาะ ผ่าน 4 ขั้นตอนการดูแลอย่างมืออาชีพ
- ปรึกษาและประเมินอย่างละเอียด เริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน เพื่อซักประวัติและทำความเข้าใจเป้าหมายของคนไข้ ซึ่งอาจมีการตรวจวัดระดับฮอร์โมนในเลือดเพื่อวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างแม่นยำ
- วางแผนการดูแลเฉพาะบุคคล แพทย์จะนำข้อมูลทั้งหมดมาออกแบบโปรแกรมที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ผสมผสาน Placenta Therapy คุณภาพสูงเข้ากับคำแนะนำด้านไลฟ์สไตล์ที่ทำได้จริง
- เข้ารับการบำบัดอย่างผ่อนคลาย ทำ Placenta Therapy ในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและสะดวกสบายภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด
- ติดตามผลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มีการนัดหมายเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงและปรับแผนการดูแลให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
โปรแกรมปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง (S’RENE Hormonal Balance for Women) เกิดมาเพื่อใคร?
- ผู้หญิงที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายจากภายใน อยากเพิ่มความสดใส มีชีวิตชีวา และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้หญิงที่เผชิญภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ไม่ว่าจะเป็นอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน ผิวพรรณไม่สดใส
- ผู้ที่มองหาโปรแกรมดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่น่าเชื่อถือ
- ผู้หญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยใกล้หมดประจำเดือน หรือ วัยทอง ที่ต้องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายโดยเฉพาะ

สรุป อย่าปล่อยให้ฮอร์โมนเพศหญิงต้องหวั่นไหว มาทวงคืนความสมดุลให้ชีวิตไปพร้อมกัน!
ฮอร์โมนเพศหญิง ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่อยู่กับเราไปตลอดชีวิต การทำความเข้าใจและดูแลสมดุลของฮอร์โมนจึงเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ เพื่อให้เราสวยอ่อนเยาว์ ผิวพรรณสดใส ห่างไกลอารมณ์แปรปรวน และสตรองได้จากภายใน การปล่อยให้ฮอร์โมนเสียสมดุลก็เหมือนปล่อยให้ร่างกายรวนไปเรื่อยๆ จนอาจกระทบทั้งสุขภาพกายและใจ! ดังนั้นการใส่ใจฮอร์โมนจึงสำคัญไม่แพ้กัน สำหรับใครที่รู้สึกว่ากำลังเจอปัญหากวนใจอยู่ ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว แค่ออกรถมาปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันที่ S’RENE by SLC ให้เราได้ดูแลคุณไปพร้อมกับโปรแกรมปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง (S’RENE Hormonal Balance for Women) ที่จะช่วยดูแลและออกแบบเส้นทางสู่ความสมดุลที่ใช่สำหรับคุณโดยเฉพาะ แล้วมาทวงคืนความสดใสในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองไปด้วยกันนะ!
หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง (S’RENE Hormonal Balance for Women) ติดต่อรับคำปรึกษาจากแพทย์ของเราที่ S’RENE by SLC ได้เลยย!
- สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
- สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
- สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
- สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
- สาขา สยาม – โทร 064 139 6390 และ 081 249 6392


สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่