รายละเอียดบริการ

Service details

โปรแกรม WeGo เปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์ นวัตกรรมใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย

สอบถามข้อมูล

รายละเอียดบริการ

น้ำหนักตัวที่มากเกินไปไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องรูปร่างภายนอก แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันพอกตับ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกมากมาย

ในการควบคุมน้ำหนัก การคุมอาหารและออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวมักไม่เพียงพอ เพราะความหิวและความอยากอาหารเป็นอุปสรรคสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก “เปปไทน์คุมหิว” จึงเป็นทางเลือกใหม่ ในการควบคุมน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ

โปรแกรมเปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์ หรือ WeGo ช่วยควบคุมฮอร์โมนความหิวได้อย่างตรงจุด ต่างจากการดูแลน้ำหนักแบบดั้งเดิม โดยบทความนี้จะอธิบายกลไกการทำงานของโปรแกรม WeGo  และประโยชน์ของเปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่เซเลป

ดูแลรูปร่าง ปรึกษาเลย

 

WeGo โปรแกรมเปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์ คืออะไร

WeGo ในโปรแกรมเปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์ ประกอบด้วยสารเซมากลูไทด์ (Semaglutide) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติเมื่อรับประทานอาหาร

โดยร่างกายมีระบบควบคุมความหิวและความอิ่มผ่านฮอร์โมนหลายชนิด โดยฮอร์โมนที่กระตุ้นความหิวชนิดหลัก หรือ เกรลิน (Ghrelin) ซึ่งหลั่งจากกระเพาะอาหารและส่งสัญญาณไปยังสมองให้รู้สึกหิว ทำให้เกิดความอยากอาหาร

ส่วนฮอร์โมนที่ควบคุมความอิ่มมีหลายตัว ทั้งเลปติน (Leptin) และ GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) โดย GLP-1 จะถูกผลิตขึ้นหลังรับประทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณบอกสมองว่าร่างกายอิ่มแล้ว ชะลอการย่อยอาหารในกระเพาะ และกระตุ้นการหลั่งอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล แต่ฮอร์โมนเหล่านี้สลายตัวได้เร็ว ทำให้ความรู้สึกอิ่มหายไปในเวลาไม่นาน

  • ในคนที่มีน้ำหนักเกิน พบว่าระบบฮอร์โมน เลปติน (Leptin) และ GLP-1 มักทำงานไม่สมดุล ทำให้รู้สึกหิวบ่อย อิ่มยาก และนำไปสู่การรับประทานอาหารมากเกินความจำเป็น

โปรแกรม WeGo  มีสารเซมากลูไทด์ที่ทำงานโดยการเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 แต่ถูกพัฒนาให้ออกฤทธิ์ได้นานกว่า ทำให้ใช้เพียงสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งแตกต่างจากเปปไทน์คุมหิวรายวันแบบเก่าที่ต้องใช้ทุกวัน 

 

จุดเด่นของเปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์

  1. ความสะดวกที่มากกว่า ใช้เพียงสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ไม่ต้องพกติดตัวตลอดเวลา
  2. รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและนานขึ้น แม้รับประทานอาหารในปริมาณน้อย
  3. ลดความอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
  4. ชะลอการย่อยอาหาร ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น เพิ่มความรู้สึกอิ่มท้อง
  5. ปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งมีส่วนช่วยลดความอยากอาหารระหว่างมื้อ
  6. ผลลัพธ์การดูแลน้ำหนักที่เหนือกว่า: น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 15-17% ภายใน 68 สัปดาห์ ซึ่งมากกว่าเปปไทน์คุมหิวแบบรายวันที่ลดได้เพียง 5-6% และมีผู้ควบคุมน้ำหนักได้มากกว่า 10% ถึง 70.9%

เปรียบเทียบเซมากลูไทด์ (โปรแกรม WeGo ) กับลิรากลูไทด์ (โปรแกรมเปปไทน์คุมหิวรายวัน)

ในประเทศไทย มีการใช้ลิรากลูไทด์ ในโปรแกรมเปปไทน์คุมหิวรายวันมาระยะนึง แต่ล่าสุดมีโปรแกรม WeGo  เปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์ ที่มีส่วนประกอบของเซมากลูไทด์เป็นทางเลือกใหม่ล่าสุดในประเทศไทย

ทั้งเซมากลูไทด์และลิรากลูไทด์เป็นสารในกลุ่มเดียวกันที่เรียกว่า GLP-1 receptor agonists (GLP-1 RAs) แต่มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ:

โครงสร้างและกลไกการออกฤทธิ์

  • ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) มีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกับฮอร์โมน GLP-1 ธรรมชาติประมาณ 97% แต่มีการปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อให้ออกฤทธิ์ได้นานขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงถูกทำลายในร่างกายค่อนข้างเร็ว จึงจำเป็นต้องใช้ทุกวัน
  • เซมากลูไทด์ (Semaglutide) ถูกพัฒนาให้มีโครงสร้างพิเศษที่ทนต่อการถูกทำลายในร่างกายได้ดีกว่ามาก ทำให้ออกฤทธิ์ได้นานถึง 1 สัปดาห์ และยังจับกับตัวรับ GLP-1 (GLP-1 receptors) ได้แนบแน่นกว่า ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการควบคุมความหิวและควบคุมน้ำหนักสูงกว่า

ประสิทธิภาพในการควบคุมน้ำหนัก

การศึกษาเปรียบเทียบโดยตรงพบว่า ผู้ใช้เซมากลูไทด์ มีน้ำหนักที่ลดลงมากกว่าผู้ใช้ลิรากลูไทด์ถึง 9.4% ซึ่งเป็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญทางคลินิก โดยหลังการใช้งาน 1 ปี ผู้ใช้เซมากลูไทด์สามารถควบคุมน้ำหนักได้มากกว่า 10% ถึง 70.9% ของผู้ใช้ เทียบกับเพียง 25.6% ในกลุ่มที่ใช้ลิรากลูไทด์

ความถี่ในการใช้งาน

เมื่อสั่งจ่ายโดยแพทย์ ลิรากลูไทด์จะต้องใช้ทุกวันตามแพทย์สั่ง ในขณะที่เซมากลูไทด์ใช้เพียงสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้ยาอย่างมาก

ผลข้างเคียงของเปปไทน์คุมหิว

ทั้งสองตัวมีผลข้างเคียงในระบบทางเดินอาหารที่คล้ายคลึงกัน เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย และท้องอืด ซึ่งมักเกิดในช่วงแรกของการใช้ยาและจะลดลงเมื่อร่างกายปรับตัว อย่างไรก็ตาม เซมากลูไทด์อาจมีผลข้างเคียงเหล่านี้มากกว่าในช่วงแรก แต่สามารถจัดการได้ด้วยการค่อยๆ ปรับขนาดยาภายใต้การดูแลของแพทย์

 

โปรแกรมเปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์ (WeGo)โปรแกรมเปปไทน์คุมหิวรายวัน (Sx)
ความถี่ในการฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้งวันละ 1 ครั้ง
ผลการควบคุมน้ำหนักโดยเฉลี่ย15-17% ภายใน 68 สัปดาห์5-6% ภายใน 56 สัปดาห์
อัตราการควบคุมน้ำหนัก >10%70.9% ของผู้ใช้25.6% ของผู้ใช้
ความสะดวกสูงกว่า (ฉีดน้อยครั้งกว่า)ต่ำกว่า (ต้องฉีดทุกวัน)
ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผล1-4 สัปดาห์2-4 สัปดาห์
ผลข้างเคียงคลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องอืด (มักเกิดในช่วงแรกและลดลงเมื่อใช้ต่อเนื่อง)คลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องอืด (มักเกิดในช่วงแรกและลดลงเมื่อใช้ต่อเนื่อง)
ความเหมาะสมสำหรับการใช้ระยะยาวมีการศึกษายืนยันประสิทธิภาพถึง 2 ปีมีการศึกษายืนยันประสิทธิภาพถึง 1 ปี

 

โปรแกรม WeGo  ต่างกับ Ozempic อย่างไร?

นอกจากโปรแกรม WeGo  เปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์แล้ว หลายคนอาจคุ้นเคยกับ “Ozempic” ผลิตภัณฑ์ชื่อดังที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ใหญ่ที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ในต่างประเทศนิยมใช้นอกเหนือจากข้อบ่งใช้ทางการแพทย์ (Off-label) เพื่อการควบคุมน้ำหนัก

 

หลายคนสงสัยว่าทั้งโปรแกรม WeGo และ Ozempic ที่มีสารเซมากลูไทด์ (Semaglutide) เป็นส่วนประกอบเหมือนกันนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร ซีรีนได้รวบรวมข้อมูลสำคัญมาให้แล้ว

 

โปรแกรม WeGo  Ozempic
สารออกฤทธิ์Semaglutide (เซมากลูไทด์)Semaglutide (เซมากลูไทด์)
ข้อบ่งใช้
  • ใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อควบคุมน้ำหนักในผู้ใหญ่ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ≥ 30 กก./ม² หรือ ≥ 27 กก./ม² ร่วมกับภาวะที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ใช้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่รุนแรง ในผู้ใหญ่ที่มีโรคหัวใจและมีภาวะอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน
  • ใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อควบคุมน้ำหนักในวัยรุ่นอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่มีภาวะอ้วนและน้ำหนักตัวมากกว่า 60 กิโลกรัม
  • ใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ใหญ่ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2
  • ใช้เป็นยาเดี่ยวในกรณีที่ไม่สามารถใช้เมตฟอร์มินได้ หรือใช้ร่วมกับยารักษาเบาหวานชนิดอื่น
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและไตในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีโรคหัวใจหรือโรคไตเรื้อรัง
ความถี่ในการใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้งสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ขนาดยาที่ปรับได้– 0.2 / 0.5 / 1 / 1.7 และ 2.4 mg (5 ขนาด)

– ขนาดสูงสุด และขนาดเพื่อการควบคุมน้ำหนักในระยะยาวคือ 2.4 mg/สัปดาห์

– 0.25 / 0.5 / 1 และ 2 mg (4 ขนาด)

– ขนาดสูงสุดที่แนะนำเพื่อการควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 คือ 2 mg/สัปดาห์

จุดเด่น– ออกแบบเฉพาะสำหรับการควบคุมน้ำหนักและการจัดการน้ำหนักระยะยาว และมีงานศึกษาทางวิชาการเพื่อการควบคุมน้ำหนัก

– มีขนาด semaglutide สูงกว่า Ozempic (สูงสุด 2.4 mg) ซึ่งเหมาะสำหรับการควบคุมน้ำหนัก

– ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในวัยรุ่นที่มีภาวะอ้วน

– ออกแบบเฉพาะสำหรับการจัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 2

– ช่วยลดความเสี่ยงของการเสื่อมของการทำงานของไตในผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคไตเรื้อรัง

– ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในลักษณะที่ขึ้นกับระดับกลูโคสและให้การตอบสนองที่คล้ายกับคนที่ไม่มีเบาหวาน

 

วิธีใช้ WeGo  ในการควบคุมน้ำหนัก

  • ตรวจสอบอุปกรณ์และปริมาณยา
      • ตรวจสอบปริมาณยาว่าตรงตามที่แพทย์สั่ง ถอดปลอกปากกา ตรวจสอบน้ำยาให้ใส ไม่มีสีหรือสิ่งแปลกปลอม และอุปกรณ์ต้องอยู่ในสภาพดี 
  • ติดตั้งเข็มใหม่
      • หมุนเข็มเข้ากับปากกาให้แน่น และดึงฝาครอบเข็มออก
  • ทดสอบปากกาครั้งแรก
      • ปรับขนาดไปที่สัญลักษณ์ตรวจสอบการไหล (··) ที่ปรากฏในช่องตรวจสอบ กดปุ่มจนเห็นหยดน้ำยาออกจากปลายเข็ม เพื่อให้แน่ใจว่าปากกาพร้อมใช้งาน
  • เลือกขนาดยา
      • เริ่มต้นที่ 0.25 mg สัปดาห์ละ 1 ครั้งในช่วง 4 สัปดาห์แรกเพื่อลดผลข้างเคียง
      • จากนั้นจึงเพิ่มเป็น 0.5 mg, 1 mg, 1.7 mg และสูงสุด 2.4 mg ตามแผนการรักษาของแพทย์
  • การปรับขนาดยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
  • เตรียมตัวก่อนฉีด
      • ล้างมือให้สะอาด และใช้แอลกอฮอล์สำหรับล้างแผลเช็ดบริเวณที่จะฉีด
  • ตำแหน่งที่ฉีด
      • ฉีดบริเวณหน้าท้อง (ห่างจากสะดือประมาณ 2 นิ้ว), ต้นขา หรือด้านหลังต้นแขน
      • ควรเปลี่ยนจุดฉีดทุกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดไตแข็งหรือผิวหนังหนา
  • วิธีฉีด
    • จิ้มเข็มปากกาเข้าผิวหนัง กดปุ่มค้างไว้จนตัวเลขแสดงปริมาณยาเป็นศูนย์ จากนั้นนับเวลาต่อในใจถึง 6 ก่อนดึงเข็มออก

ใครเหมาะสมกับการใช้ WeGo 

โปรแกรม WeGo เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่มีค่า BMI ตั้งแต่ 27 ขึ้นไปและมีโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน หรือภาวะไขมันพอกตับ
  • ผู้ที่มีค่า BMI ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป แม้ไม่มีโรคร่วม
  • ผู้ที่ดูแลน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแต่ไม่สำเร็จ
  • ผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้ เพราะใช้เพียงสัปดาห์ละครั้ง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การดูแลน้ำหนักที่มากกว่า เมื่อเทียบกับเปปไทน์คุมหิวรายวัน

อย่างไรก็ตาม โปรแกรม WeGo  อาจไม่เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่มีประวัติมะเร็งต่อมไทรอยด์หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้
  • ผู้ที่มีประวัติตับอ่อนอักเสบ
  • ผู้ที่มีปัญหาไตรุนแรง
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของยา

ควบคุมน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพกับ S’RENE by SLC

การควบคุมน้ำหนักด้วยโปรแกรมเปปไทน์คุมหิวรายสัปดาห์ WeGo ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย ที่ S’RENE by SLC มีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันจะประเมินสุขภาพของคุณอย่างละเอียดเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

ซีรีนพร้อมดูแลคุณตลอดการรักษาด้วยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมคำแนะนำด้านโภชนาการและการออกกำลังกายที่เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและยั่งยืน

ก้าวแรกสู่การมีสุขภาพที่ดีและน้ำหนักที่เหมาะสมเริ่มต้นที่นี่ ติดต่อ S’RENE by SLC เพื่อนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่:

▪️ สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237

▪️ สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร  099 807 7261

▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร  081 249 7055

▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669

▪️ สาขา สยาม  – โทร 064 139 6390 และ 081-249-6392

อย่ารอช้า จองโปรพิเศษ  คลิก!

รายการอ้างอิง

Puckey, M. (2025). Wegovy. Drugs.com. Retrieved May 13, 2025, from https://www.drugs.com/wegovy.html

European Medicines Agency. (2023, April). Wegovy: EPAR – Medicine Overview. Retrieved May 13, 2025, from https://www.ema.europa.eu/en/medicines/human/EPAR/wegovy

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (n.d.). รายละเอียดผลิตภัณฑ์ยา: WEGOVY 0.25 MG FLEXTOUCH. Retrieved May 13, 2025, from https://pertento.fda.moph.go.th/FDA_INFORMATION_DRUG/Home/Phar_Product_Inform_Page?Newcode=U1DR1C1072661505311C

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (n.d.). รายละเอียดผลิตภัณฑ์ยา: OZEMPIC 0.25 MG. Retrieved May 13, 2025, from https://pertento.fda.moph.go.th/FDA_INFORMATION_DRUG/Home/Phar_Product_Inform_Page?Newcode=U1DR1C1072631502311C

Novo Nordisk. (n.d.). Wegovy. Retrieved May 13, 2025, from https://www.wegovy.com/

Novo Nordisk. (n.d.). How Saxenda® works. Retrieved May 13, 2025, from https://www.saxenda.com/about-saxenda/how-it-works.html

สาขาสยาม เลขที่ 215/3 อาคาร A La Art, ถนนพญาไท, ปทุมวัน, กรุงเทพฯ 10330
064 139 6390
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 6 1693 ถ. พหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
080 245 7669
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาทองหล่อ ชั้น 4 916/3-4 ถ.สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
064 184 5237
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 61 ถ. ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250
081 249 7055
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 104/42 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
099 807 7261
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาสยาม เลขที่ 215/3 อาคาร A La Art, ถนนพญาไท, ปทุมวัน, กรุงเทพฯ 10330
064 139 6390
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 6 1693 ถ. พหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
080 245 7669
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาทองหล่อ ชั้น 4 916/3-4 ถ.สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
064 184 5237
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 61 ถ. ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250
081 249 7055
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 104/42 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
099 807 7261
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.

Recommended Services

บริการแนะนำ

นวัตกรรมคลื่นวิทยุความถี่สูงที่นิยมทำในกลุ่มนักกีฬา ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดอาการบาดเจ็บ และอักเสบ เร่งกระบวนการฟื้นตัวให้หายไวขึ้น 

โปรแกรมตรวจวัดระดับฮอร์โมนในเพศหญิง

ฟื้นฟูน้องสาว กระชับช่องคลอด เพิ่มความชุ่มชื้นและความกระจ่างใส ด้วย INDIBA Deep Care เป็นนวัตกรรมที่ใช้คลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar Radio Frequency) ที่ความถี่เฉพาะ 448 kHz

โปรแกรมตรวจหาระดับวิตามินดีโดยรวม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยสร้างและควบคุมการทำงานของเม็ดเลือดขาวทุกชนิด

โปรแกรมตรวจฮอร์โมนความเครียด Cortisol และ DHEAs

ตรวจวิเคราะห์ทางกายภาพ เช็กสภาพร่างกายเบื้องต้นกับนักกายภาพบำบัด เพื่อประเมิน และวิเคราะห์สภาพร่างกาย รวมถึงการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย