รายละเอียดบริการ

Service details

โปรแกรม ผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคสลีฟ | Bariatric Surgery (Sleeve Gastrectomy)

โปรแกรมศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหารเทคนิคสลีฟ (Bariatric Surgery : Sleeve Gastrectomy) เป็นหนึ่งในการรักษาภาวะโรคอ้วน และช่วยควบคุมน้ำหนักที่เกินมาตราฐาน เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมการกินไม่ได้ รวมถึงออกกำลังกายเท่าไหร่ก็ไม่ลง

สอบถามข้อมูล

รายละเอียดบริการ


โปรแกรมศัลยกรรม ผ่าตัดกระเพาะ อาหาร เทคนิคสลีฟ
Bariatric Surgery (Sleeve Gastrectomy)
แผลเล็ก ฟื้นตัวไว สุขภาพใหม่ที่ทุกคนเลือกได้

น้ำหนักเกินไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพระยะยาว หากการควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีปกติไม่ตอบโจทย์ ผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคสลีฟ | Bariatric Surgery (Sleeve Gastrectomy) เป็นคำตอบที่ช่วยให้คุณไม่เพียงแต่จะมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม แต่ยังช่วยให้กลับมามีสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังที่เกิดจากโรคอ้วน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด และโรคหัวใจได้

หากใครที่มีโรคอ้วน หรือมีน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานที่เยอะ ออกกำลังกายยังไงก็ไม่ลง กินเยอะเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ ปรึกษา S’RENE by SLC ดูแลสุขภาพด้วยผ่าตัดกระเพาะ

ผ่าตัดกระเพาะ เพื่อควบคุมน้ำหนัก คืออะไร?

การ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก หรือที่เรียกกันว่า Bariatric Surgery เป็นวิธีทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วนขั้นรุนแรง (Morbid Obesity) สามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งวิธีนี้ไม่ได้เป็นเพียงการควบคุมน้ำหนักเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายหลักในการดูแลสุขภาพ ลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนได้ รวมถึงยังเป็นทางเลือกใหม่ในการควบคุมน้ำหนักที่ได้รับการยอมรับว่ามีความปลอดภัยและมีคุณภาพที่สุดอีกด้วย

ทำไมต้อง ผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคสลีฟ (Sleeve Gastrectomy)?

การผ่าตัดกระเพาะ (Bariatric Surgery) จริง ๆ แล้ว มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ถ้าใครอยากรู้ว่ามีประเภทไหนบ้าง สามารถตามไปอ่านได้ ประเภทของการผ่าตัดกระเพาะ แต่สำหรับที่ S’RENE by SLC จะมีการผ่าตัดกระเพาะด้วยเทคนิค Sleeve Gastrectomy เป็นการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร โดยทำการส่องกล้องผ่าเอาส่วนที่ใหญ่ของกระเพาะอาหารออกไปประมาณ 75-80% เหลือไว้เพียงท่อและกระเพาะอาหารรูปทรงคล้ายกล้วย หรือแขนเสื้อ ซึ่งจะช่วยลดปริมาตรของกระเพาะ และปริมาณอาหารที่กินได้ ทำให้กินได้น้อยลงมาก อีกทั้งยังไปลดฮอร์โมนที่กระตุ้นความหิวอย่าง เกรลิน (Ghrelin) ทำให้ผู้ที่รับการผ่าตัดรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ทานได้น้อยลง และไม่ค่อยอยากอาหาร

ที่สำคัญคือ การผ่าตัดกระเพาะอาหารด้วยเทคนิคสลีฟ ยังเป็นการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) ทำให้การผ่าตัดยังมีข้อดีมากมายที่ทั้งสะดวก ปลอดภัย และฟื้นตัวไว

ผ่าตัดกระเพาะ เพื่อควบคุมน้ำหนัก อันตรายไหม?

สำหรับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เทคนิค Sleeve Gastrectomy จะมีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง Laparoscope ทำให้การผ่าตัดมีความปลอดภัย รวมถึงทำให้การผ่าตัดมีความแม่นยำสูง และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ทั้งนี้ด้วยฝีมือของแพทย์ที่ S’RENE by SLC และ SLC Hospital มีความชำนาญ และผ่านการผ่าตัดมาแล้วหลายเคส ซึ่งประสบความสำเร็จในการรักษาทุกเคส

ข้อดีของ ผ่าตัดกระเพาะ ด้วยการส่องกล้องกับเทคนิค Sleeve Gastrectomy

  • ลดฮอร์โมนความหิว: การผ่าตัดกระเพาะช่วยให้ฮอร์โมน Ghrelin ลดลง ส่งผลให้ความอยากอาหารลดลงด้วย
  • โครงสร้างระบบทางเดินอาหารปกติ: ไม่มีการเปลี่ยนทางลำไส้ ทำให้ลดความเสี่ยงจากการขาดสารอาหาร
  • แผลเล็ก เจ็บน้อย: ด้วยวิธีผ่าตัดแบบการส่องกล้องที่ใช้เครื่องมือพิเศษ ช่วยให้การผ่าตัดนี้ทำให้เกิดบาดแผลเล็ก (ประมาณ 0.5-1 ซม.) ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และช่วยให้แผลหายเร็ว
  • ปลอดภัยและแม่นยำสูง: ด้วยเทคโนโลยีการส่องกล้องที่ช่วยให้แพทย์เห็นรายละเอียดภายในได้ชัดเจน ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด 
  • ฟื้นตัวไว: ระยะเวลาพักฟื้นสั้น เพียง 1-2 วันก็สามารถกลับบ้านได้ และกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้ในเวลาไม่นาน
  • ควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ: โดยเฉลี่ยสามารถลดส่วนเกินลงได้ประมาณ 50%-70% ใน 12-18 เดือน 
  • ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน: หากปรับพฤติกรรมการกินและออกกำลังกาย ก็จะช่วยควบคุมน้ำหนักได้นานขึ้น รวมถึงไม่มีการใส่วัสดุเสริม ช่วยให้ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในระยะยาว
  • ลดโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน: ช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูงอีกด้วย รวมถึงไขมันในเลือดสูง

การ ผ่าตัดกระเพาะ ช่วยรักษาโรคอะไรได้บ้าง?

การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักไม่ได้มีเพียงเป้าหมายในการลดเท่านั้น แต่ยังช่วยบรรเทาและรักษาโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนได้อีกด้วย โรคเหล่านี้บางโรคอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้หลังผ่าตัด และการดูแลสุขภาพระยะยาว ช่วยให้ปัจจัยเสี่ยงและอาการต่างๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนหรือมีความเสี่ยง การผ่าตัดกระเพาะอาหารอาจช่วยรักษาหรือบรรเทาโรค ดังต่อไปนี้

1. ไขมันในเลือดสูง (High Cholesterol)

ปัญหา: ภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia) เกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของ โรคหัวใจ และ โรคหลอดเลือดสมอง

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: การควบคุมน้ำหนักช่วยลดระดับไขมันในเลือดและลดความเสี่ยงการอุดตันของหลอดเลือด

2. ความดันโลหิตสูง (High Blood Pressure)

ปัญหา: ความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือภาวะที่แรงดันเลือดในหลอดเลือดสูงเกินไป ส่งผลให้หลอดเลือดและหัวใจทำงานหนักขึ้น

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: น้ำหนักที่ลดลงช่วยลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงของ โรคหัวใจ และ โรคหลอดเลือดสมอง

3. น้ำตาลในเลือดสูง (High Blood Sugar)

ปัญหา: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเกิดจากการดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) ซึ่งอาจนำไปสู่ เบาหวานชนิดที่ 2

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: ช่วยปรับปรุงความไวของอินซูลินและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

4. เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)

ปัญหา: โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากการสะสมไขมันส่วนเกินในร่างกายที่ทำให้อินซูลินไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: เทคนิคการผ่าตัดบางอย่าง จะช่วยให้อาการของโรคเบาหวานดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และในหลายกรณีอาจทำให้อาการหายขาดได้

5. โรคหัวใจ (Heart Disease)

ปัญหา: น้ำหนักเกินส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหัวใจ เช่น หัวใจล้มเหลว และ ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: การควบคุมน้ำหนักช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจ ลดภาวะแทรกซ้อน และช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจในอนาคต

6. โรคไต (Kidney Disease)

ปัญหา: ความดันโลหิตสูงและเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิด โรคไตเรื้อรัง และ ภาวะไตวาย

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: ลดความเสี่ยงของโรคไตโดยการควบคุมระดับความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือด

7. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)

ปัญหา: ภาวะที่ผู้ป่วยหยุดหายใจขณะหลับเนื่องจากทางเดินหายใจส่วนบนถูกปิดกั้น ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: การควบคุมน้ำหนักช่วยลดไขมันบริเวณลำคอและปรับปรุงการทำงานของระบบทางเดินหายใจ

8. โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)

ปัญหา: น้ำหนักตัวที่มากเกินไปเพิ่มแรงกดทับข้อต่อ ทำให้เกิดความเสียหายและอาการปวดในผู้ที่มีข้อเสื่อม

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: ช่วยลดแรงกดทับและบรรเทาอาการปวดในข้อต่อ

9. โรคไขมันพอกตับ (Non-Alcohol Related Fatty Liver Disease: NAFLD)

ปัญหา: การสะสมไขมันในตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ อาจนำไปสู่การอักเสบเรื้อรังและภาวะตับแข็ง

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: น้ำหนักที่ลดลงช่วยลดการสะสมไขมันในตับและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

10. มะเร็งบางชนิด (Cancer)

ปัญหา: โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งมากกว่า 12 ชนิด เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่

ผลลัพธ์หลังผ่าตัด: ช่วยลดการอักเสบและความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

ทั้งนี้การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกวิธีการผ่าตัดที่ตอบโจทย์สุขภาพของทุกคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำปรึกษา S’RENE by SLC พร้อมให้คำแนะนำในทุกขั้นตอน!

ใครที่เหมาะกับการผ่าตัดกระเพาะแบบ Sleeve Gastrectomy?

การผ่าตัดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ โรคอ้วน หรือ น้ำหนักเกินมาตรฐาน ดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 30 ขึ้นไป
  • ผู้ที่มี BMI มากกว่า 30 แต่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่ลองวิธีลดน้ำหนักอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล
  • ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดโรคอื่น
  • ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วน และควบคุมน้ำหนักได้ยาก
  • ผู้ที่ไม่ได้มีข้อห้ามในการผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดกระเพาะ

  1. ปรึกษาแพทย์ที่ S’RENE by SLC 

  • ประเมินสุขภาพเบื้องต้นและตรวจคัดกรองโรคที่เกี่ยวข้อง
  • พูดคุยถึงเป้าหมายและผลลัพธ์ที่คาดหวัง
  1. ทำการจองคิว และปรับพฤติกรรมการกินล่วงหน้า

  • หลังจากการจองคิว อาจจะต้องลดน้ำหนักก่อนการผ่าตัดให้ได้ 5 – 10% เพื่อง่ายต่อการผ่าตัด
  • ลดอาหารที่มีแคลอรีสูงและเน้นอาหารที่ย่อยง่ายเพื่อเตรียมร่างกาย
  1. ตรวจสุขภาพอย่างละเอียด

  • ตรวจเลือด เอกซเรย์ และการตรวจอื่น ๆ เพื่อประเมินความพร้อม
  1. เตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  • จะต้องแอดมิทก่อนผ่านตัด 1 วัน เพื่อทำการเคลียร์กระเพาะ
  • มีการตรวจ Dexa Scan เพื่อวัดมวลไขมัน และกล้ามเนื้อ เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพ

ขั้นตอนการผ่าตัดกระเพาะเทคนิคสลีฟ

การผ่าตัดกระเพาะเทคนิคสลีฟจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 2-3 ชั่วโมง โดยดำเนินการตามลำดับขั้นตอน ดังนี้

  1. ดมยาสลบ: ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะอยู่ภายใต้การดูแลของวิสัญญีแพทย์ 1 ต่อ 1 เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายผู้เข้ารับบริการจะผ่อนคลายและไม่มีความเจ็บปวดระหว่างผ่าตัด
  2. ส่องกล้องเพื่อเริ่มผ่าตัด: แพทย์จะทำการเจาะรูเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. บริเวณหน้าท้อง (ประมาณ 4-5 รู) เพื่อใส่เครื่องมือส่องกล้อง (Laparoscope) ที่มีกล้องติดตั้ง เพื่อแสดงภาพภายในช่องท้องบนจอภาพ
  3. การตัดกระเพาะ: แพทย์ใช้เครื่องมือตัดกระเพาะเพื่อตัดเอาส่วนใหญ่ของกระเพาะออก ประมาณ 80% ของขนาดเดิม กระเพาะที่เหลือจะมีรูปร่างคล้ายท่อ, กล้วย หรือแขนเสื้อ ทำให้ทานอาหารได้น้อยลง
  4. การเย็บกระเพาะ: แพทย์ใช้เครื่องเย็บกระเพาะแบบพิเศษ เพื่อปิดขอบของกระเพาะที่เหลือให้สนิท ลดความเสี่ยงของการรั่วไหล
  5. ตรวจสอบความเรียบร้อย: แพทย์ตรวจสอบความสมบูรณ์ของกระเพาะที่เหลือ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วและการไหลของเลือด
  6. ปิดแผล: ขนาดเล็ก บนหน้าท้องด้วยไหมละลาย หรือเทปปิดแผลชนิดพิเศษ

ตำแหน่งของรอยแผลการผ่าตัดกระเพาะด้วยการส่องกล้อง Laparoscope

การดูแลหลังการผ่าตัด

ช่วงพักฟื้นในโรงพยาบาล

  • ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน โดยมีทีมแพทย์ และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
  • ผู้ป่วยสามารถเริ่มเดินได้ใน 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงของลิ่มเลือด

การฟื้นฟูหลังกลับบ้าน

  • ระยะแรก: รับประทานอาหารเหลวหรือซุปใสในช่วง 1-2 สัปดาห์
  • ระยะต่อมา: ค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นของอาหารจนกลับมารับประทานอาหารปกติได้ใน 4-6 สัปดาห์ 
  • ทานวิตามินเสริม : เนื่องการดูดซึมสารอาหารลดลง เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารสำคัญ แพทย์จะแนะนำให้ทานวิตามินและแร่ธาตุที่มักขาดหลังการผ่าตัด

ติดตามผลกับแพทย์

เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของกระเพาะและประเมินผลการลดน้ำหนัก

 

หลังผ่าตัดกระเพาะ ก้าวสู่ชีวิตใหม่ที่มั่นใจขึ้น! 

  • การฟื้นตัวที่รวดเร็ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดส่วนใหญ่สามารถเดินได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัด อีกทั้งยังใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนกลับมาทำงานได้เต็มที่
  • เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน: เริ่มด้วยอาหารเหลวหลังผ่าตัด และค่อย ๆ ปรับสู่การกินอาหารปกติในปริมาณที่น้อยลง
  • ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปและยั่งยืน: น้ำหนักจะลดลงเรื่อย ๆ ภายใน 6-12 เดือน และสุขภาพโดยรวมจะดีขึ้นตามมาเรื่อย ๆ

*หมายเหตุ: ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมถึงพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย หากมีพฤติกรรมเหมือนเดิม อาจจะส่งเสียต่อการควบคุมน้ำหนัก หรือสามารถกลับมาน้ำหนักขึ้นได้ แต่จะไม่เท่าเดิมเหมือนก่อนผ่าตัดกระเพาะ

 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Sleeve Gastrectomy)

การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบสลีฟเป็นการศัลยกรรมลดน้ำหนักที่ได้ผลดีและเป็นที่นิยมมาก แต่เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ โดยแบ่งเป็นผลข้างเคียงระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้:

ผลข้างเคียงระยะสั้น

  1. ปวดแผลหรือไม่สบายตัว: อาจมีอาการปวดหรือระคายเคืองบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติหลังการผ่าตัด
  2. คลื่นไส้และอาเจียน: อาจเกิดจากการปรับตัวของกระเพาะอาหารที่เล็กลง หรือปฏิกิริยาต่อยาสลบ
  3. การติดเชื้อ: อาจเกิดจากการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดหรือภายในร่างกาย เช่น ในช่องท้อง
  4. เลือดออก: มีความเสี่ยงที่จะเกิดเลือดออกในบริเวณที่ผ่าตัด
  5. การรั่วของกระเพาะอาหาร: เป็นภาวะที่กระเพาะอาหารที่เย็บไว้มีการรั่วซึม ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
  6. อาการลำไส้อุดตัน: เกิดจากการเคลื่อนตัวของลำไส้ผิดปกติหรือการยึดติดหลังการผ่าตัด

ผลข้างเคียงระยะยาว

  1. กรดไหลย้อน: การที่กระเพาะเล็กลงอาจทำให้น้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น
  2. ขาดสารอาหาร: เนื่องจากการกินอาหารลดลงและการดูดซึมสารอาหารเปลี่ยนไป ทำให้ขาดวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และแคลเซียม
  3. ผมร่วง: เกิดจากการขาดโปรตีนหรือสารอาหารสำคัญในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
  4. น้ำหนักขึ้นในระยะยาว: หากไม่มีการปรับพฤติกรรมการกินและออกกำลังกาย น้ำหนักอาจกลับมาเพิ่มได้
  5. ปัญหาสุขภาพจิต: เช่น ความรู้สึกวิตกกังวลหรือซึมเศร้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและการปรับตัวทางอารมณ์

การลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

  • การปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ก่อนการผ่าตัดควรมีการพูดคุยและประเมินสุขภาพอย่างละเอียด
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: เช่น การรับประทานวิตามินเสริม การออกกำลังกาย และการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน: ควรรับประทานอาหารในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง และหลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยากหรือมีน้ำตาลสูง
  • การตรวจสุขภาพเป็นระยะ: เพื่อติดตามภาวะขาดสารอาหารหรือผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

FAQs คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร

คำถามเหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับการ ผ่าตัดกระเพาะ อาหารมากขึ้น หากสนใจหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม S’RENE by SLC พร้อมให้คำแนะนำทุกขั้นตอนเพื่อให้ทุกคนบรรลุเป้าหมายการดูแลรูปร่างและสุขภาพ

1. การผ่าตัดกระเพาะอาหารช่วยลดน้ำหนักได้มากแค่ไหน?

ตอบ: การผ่าตัดกระเพาะอาหารสามารถช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินได้ถึง 50%-70% ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือก เช่น Sleeve Gastrectomy, Roux-en-Y Gastric Bypass หรือเทคนิคอื่นๆ รวมถึงการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังการผ่าตัดด้วย

2. ใครที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร?

ตอบ: การผ่าตัดจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา โรคอ้วน หรือ น้ำหนักเกิด โดยสามารถวัดได้จากดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 40 หรือ มากกว่า 35 พร้อมมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง รวมถึงผู้ที่ไม่สามารถควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีอื่น เช่น ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ทำยังไงก็ไม่ลง โดยที่ S’RENE by SLC จะรับเคสอยู่ที่ ดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 28 – 32

3. การผ่าตัดกระเพาะอาหารอันตรายหรือไม่?

ตอบ: การผ่าตัดกระเพาะอาหารมีความเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดทั่วไป เช่น การติดเชื้อ หรือการขาดสารอาหาร แต่เมื่อทำกับทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ รวมถึงห้องผ่าตัดที่ปลอดภัย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงอย่างมาก และผลลัพธ์มีแนวโน้มเป็นไปในเชิงบวก โดยที่ S’RENE by SLC ร่วมกับทาง SLC Hospital มีห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานจึงวางใจถึงคุณภาพ และความปลอดภัยได้

4. ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนการผ่าตัดกระเพาะอาหาร?

ตอบ: หากสนใจที่จะผ่าตัดกระเพาะแล้ว ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์ เพื่อเพูดคุยถึงไลฟ์สไตล์ ปัญหาสุขภาพ และความคาดหวังที่ต้องการ รวมถึงเป้าหมายที่วางไว้ ต้องทำความเข้าใจการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นข้อดี ข้อเสีย ผลข้างเคียง ว่ารับได้มั้ย ก่อนการตัดสินใจ ซึ่งถ้าหากตัดสินใจแล้ว ก็จะต้องเตรียมตัวดังนี้

  • ตรวจสุขภาพอย่างละเอียด: ประเมินความพร้อมของร่างกาย
  • ปรับพฤติกรรมการกิน: ลดปริมาณอาหารและเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
  • พูดคุยกับแพทย์: เพื่อวางแผนในการดูแลสุขภาพ และควบคุมน้ำหนักระยะยาว

5. หลังการผ่าตัดกระเพาะอาหารต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?

ตอบ: หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว จะมีพยาบาล และคุณหมอคอยตรวจดูอาการ และให้คำแนะนำ เบื้องต้น หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็สามารถดูแลตัวเองได้ ดังนี้

  • รับประทานอาหารตามคำแนะนำ เช่น เริ่มจากอาหารเหลวไปจนถึงอาหารปกติ
  • ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย
  • ติดตามผลและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอกับแพทย์
  • เสริมวิตามินหรือสารอาหารที่จำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงการขาดสารอาหาร

6. น้ำหนักจะกลับมาขึ้นได้อีกไหมหลังการผ่าตัด?

ตอบ: ต้องบอกว่า มีโอกาสเกิดขึ้น ซึ่งน้ำหนักสามารถกลับมาขึ้นได้ หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ในช่วงแรกอาจจะยังไม่ค่อยเห็น แต่ในระยะยาวถ้าไม่คุมพฤติกรรม หรือปรับเปลี่ยน ร่างกายเริ่มชินแล้ว ก็สามารถกลับมาน้ำหนักขึ้น แต่จะไม่เยอะไปกว่าในตอนแรก นอกจากนี้การติดตามผลกับแพทย์อย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน

7. ค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเท่าไหร่?

ตอบ: ด้วยเทคนิค Sleeve Gastrectomy มีการใช้เครื่องมือพิเศษที่ปลอดภัย และทันสมัย รวมถึงต้องมีการดมยาสลบ ซึ่งที่ S’RENE by SLC และ SLC Hospital ก็มีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลแบบ 1 ต่อ 1 รวมถึงห้องพักฟื้น และพยาบาล ที่คอยดูแลตลอดเวลา หลังผ่าตัด ทำให้ค่าใช้จ่ายอาจจะค่อนข้างสูง แต่ก็สามารถเข้ามาปรึกษาก่อนได้ที่ S’RENE by SLC ทุกสาขา

8. การผ่าตัดกระเพาะอาหารช่วยรักษาโรคเบาหวานได้หรือไม่?

ตอบ: การผ่าตัดกระเพาะสามารถช่วยควบคุมหรือในบางกรณีอาจรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ำหนักที่ลดลง และระดับน้ำตาลในเลือดปรับเข้าสู่ภาวะปกติ จะช่วยรักษาโรคแทรกซ้อนที่มาจากโรคอ้วนได้

9. ใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

ตอบ: การพักฟื้น หลังการผ่าตัด จะมีการแอดมิทที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 2-3 คืน เพื่อดูอาการ หลังจากนั้นก็จะสามารถกลับบ้านได้ แล้วใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ และสามารถกลับไปทำกิจกรรมเบาๆ ได้อย่างรวดเร็ว

10. ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอะไรบ้างในระยะยาว?

ตอบ: แน่นอนว่าต้อง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เช่น รับประทานอาหารปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึง ตรวจสุขภาพประจำปีและติดตามผลกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง

ทำไมต้องเลือก ผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคสลีฟที่ S’RENE by SLC?

  • เราจะดูแลความปลอดภัยของทุกคน ด้วยห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน และทีมแพทย์ที่ผ่านมาแล้วหลายเคส
  • การดูแลแบบครบวงจร ตั้งแต่การประเมินสุขภาพ การเตรียมตัวผ่าตัด และการฟื้นฟูหลังผ่าตัด
  • ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ 1 ต่อ 1
  • นอนพักฟื้น 2-3 คืน เพื่อเฝ้าดูอาการ และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
  • ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

 

รวมรีวิวผ่าตัดกระเพาะเทคนิคสลีฟ

พร้อมเปลี่ยนชีวิตใหม่ไปกับการผ่าตัดกระเพาะเทคนิคสลีฟ

สำหรับใครที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน พร้อมคืนความมั่นใจและสุขภาพดี การผ่าตัดกระเพาะ (Bariatric Surgery) เทคนิค Sleeve Gastrectomy ด้วยการส่องกล้องที่ S’RENE by SLC นี่อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการดูแลสุขภาพ รักษาโรคอ้วน (Obesity) และต้องการควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคสลีฟ (Sleeve Gastrectomy) สามารถปรึกษาได้ที่ S’RENE by SLC: Urban Wellness Clinic ซึ่งมีบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม พร้อมคำแนะนำจากทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน และทีมซีรีนที่เน้นการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน

สอบถามข้อมูล ผ่าตัดกระเพาะ เพิ่มเติมได้แล้ววันนี้ พร้อมเริ่มต้นเส้นทางสุขภาพที่ดีกว่า กับ S’RENE by SLC ทุกสาขา

▪️ สาขา ทองหล่อ – โทร 064 184 5237
▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร  081 249 7055
▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669

______________________________________________________________

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Bariatric Surgery: Overview. Mayo Clinic.
https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/bariatric-surgery/about/pac-20394258

Bariatric Surgery: Procedures and Benefits. Cleveland Clinic.
https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/bariatric-surgery

Bariatric Surgery Procedures. American Society for Metabolic and Bariatric Surgery (ASMBS).
https://asmbs.org/patients/bariatric-surgery-procedures/

Bariatric Surgery. National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (NIDDK).
https://www.niddk.nih.gov/health-information/weight-management/bariatric-surgery

สาขาชาน แจ้งวัฒนะ ชั้น 2
104/42 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
099 807 7261
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาทองหล่อ ชั้น 4
916/3-4 ถ.สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
064 184 5237
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3
61 ถ. ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขต ประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250
081 249 7055
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 6
1693 ถ. พหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
080 245 7669
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาชาน แจ้งวัฒนะ ชั้น 2
104/42 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
099 807 7261
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาทองหล่อ ชั้น 4
916/3-4 ถ.สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
064 184 5237
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3
61 ถ. ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขต ประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250
083 996 6959
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว
1693 ถ. พหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาชาน แจ้งวัฒนะ ชั้น 2
104/42 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
099 807 7261
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาทองหล่อ ชั้น 4
916/3-4 ถ.สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
064 184 5237
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3
61 ถ. ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขต ประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250
083 996 6959
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.
สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว
1693 ถ. พหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
เวลาทำการ 10.00-20.00 น.

Recommended Services

บริการแนะนำ

โปรแกรมฉีดวิตามินดี 300,000 IU เข้ากล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับคนที่มีระดับวิตามินดีต่ำกว่า 30ng/dL หรือคนที่ไม่สะดวกรับประทานเสริมในทุกวัน

ช่วยบำบัดอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อด้วยศาสตร์กายภาพบำบัด ผสานการนวดมือกับการใช้เครื่อง INDIBA ที่ส่งพลังงานคลื่นวิทยุกระตุ้นกล้ามเนื้อ

โปรแกรมตรวจความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

โปรแกรมตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพศหญิง ระดับที่ 1 ตรวจ 12 รายการ เพื่อหาความเสี่ยงปัญหาสุขภาพเพศ พร้อมนำมาวางแผนการดูแล และฟื้นฟูสุขภาพเพศ

ตรวจเช็กสุขภาพด้วยการตรวจผลเลือดและปัสสาวะ เพื่อหาความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ (16 รายการตรวจ)

โปรแกรมตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพศชาย ระดับที่ 2 ตรวจ 13 รายการ เพื่อหาความเสี่ยงปัญหาสุขภาพเพศ พร้อมนำมาวางแผนการดูแล และฟื้นฟูสุขภาพเพศ