เรื่องน่ารู้

Blogs

คีเลชั่นบำบัด Chelation ล้างสารพิษโลหะหนัก ที่ร่างกายสะสมแบบไม่รู้ตัว

คีเลชั่น

ในปัจจุบันนี้สิ่งแวดล้อมหลายอย่างส่งผลกระทบต่อร่างกายแบบที่เราไม่รู้ตัวเลย แค่ตื่นนอนร่างกายก็มีโอกาสได้รับสารพิษโลหะหนักจากเครื่องสำอางที่ใช้แต่งหน้าทุกวัน หรือฝุ่น PM2.5 ที่ก็หนักขึ้นทุกปี รวมไปถึงอาหารบางอย่างที่มีโลหะปนเปื้อนได้ โดยในทุกวันร่างกายเราไม่ได้รับสารพิษในปริมาณมาก ๆ ทีเดียว แต่เป็นการที่ร่างกายสะสมสารพิษโลหะหนักแบบนี้ทุกวัน ซึ่งสุดท้ายแล้วถ้าร่างกายสะสมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็ส่งผลต่อร่างกายอยู่ไม่น้อยเลย

การทำคีเลชั่น (Chelation Therapy) คืออะไร

คีเลชั่น คือ

Chelation Therapy การล้างพิษในหลอดเลือด คือ การกำจัดหรือล้างสารพิษโลหะหนัก เป็นวิธีการทางแพทย์โดยการให้สารทางหลอดเลือดดำ หรือที่เรียกว่า IV Drip โดยจะมีกรดเอทิลีนไดอะมีนเตตราอะซิติก (EDTA) ผสมกับแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็น เจ้าตัว EDTA มีหน้าที่ในการจับโมเลกุลของสารพิษในหลอดเลือดอาหาร หลังจากจับสารพิษแล้วร่างกายจะขับออกมาทางปัสสาวะตามปกติ เป็นการขับสารพิษออกจากร่างกายในแบบที่ง่ายที่สุด การทำคีเลขั่นได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทย 

อาการเมื่อมีพิษโลหะสะสมในร่างกายเป็นอย่างไร

ในเมื่อเรามองไม่เห็นสารพิษโลหะหนักพวกนี้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายสะสมสารพิษโลหะหนักไว้มากเกินไปแล้ว หากร่างกายสะสมสารพิษโลหะหนักในปริมาณที่มากขึ้นร่างกายก็จะเริ่มแสดงอาการผิดปกติ  ดังนี้

  • อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดวัน รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
  • ปวดศีรษะ 
  • ปวดเมื่อย ปวดตามข้อและกระดูก 
  • หงุดหงิดง่าย สมาธิไม่ดี ความจำไม่ค่อยดี
  • นอนไม่หลับ หลับยาก หรือนอนหลับไม่สนิท
  • เหนื่อยง่าย
  • ท้องผูกเรื้อรัง ท้องอืด เรอและผายลมบ่อย
  • มีปัญหาผิวพรรณ เป็นสิว ฝ้า 
  • ภูมิแพ้ ผื่นคัน มีโรคผิวหนังเรื้อรัง
  • ระบบเผาผลาญทำงานได้น้อยลง
  • เบื่ออาหาร มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน 
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ป่วยง่าย ติดเชื้อบ่อย

ความเสี่ยงและอันตรายจากการมีพิษโลหะหนักสะสมในร่างกาย

เมื่อสารพิษโลหะหนักสะสมในผนังหลอดเลือดมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้นบนผนังเซลล์ และไปเร่งกระบวนการการอักเสบต่าง ๆ ทำให้การทำงานของเซลล์ผนังหลอดเลือดผิดปกติ  ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังได้ อาทิ

  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคเบาหวาน
  • โรคมะเร็ง
  • โรคภูมิแพ้
  • โรคอัลไซเมอร์
  • โรคหัวใจ
  • ความเครียด
  • ภาวะฮอร์โมนต่ำ

ใครบ้างที่ควรทำคีเลชั่น (Chelation) 

ดีเคชั่นบำบัด

ถ้าเราไม่ได้มีอาการที่รู้สึกว่ามีสารพิษในร่างกาย จะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรได้รับการทำคีเลชั่นบำบัด Chelation therapy นอกเหนือจากอาการที่จะบ่งบอกแล้วผู้ที่ควรได้รับการล้างสารพิษในร่างกายมีดังนี้ 

  • ผู้ที่ใช้ชีวิตในเมือง มีไลฟ์สไตล์เสี่ยงต่อการสะสมสารพิษ
  • ผู้ที่ตรวจพบสารพิษหรือโลหะหนักสะสมในร่างกาย
  • ผู้ที่มีไขมันในเส้นเลือดสูง 
  • ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง 
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด
  • ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ
  • ผู้ที่ทำบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทำบายพาสมาแล้ว 
  • ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตัวเองจากโรคต่างๆ

นอกจากนี้การทำคีเลชั่นสามารถได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป โดยความถี่ในการรับบริการขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในการรับสารพิษโลหะหนัก ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง 

ประโยชน์จากการคีเลชั่น (Chelation) 

ตั้งแต่ที่ได้กล่าวมาของเรื่องการทำคีเลชั่นก็พอจะรู้กันแล้วว่ามีส่วนช่วยในเรื่องล้างสารพิษโลหะหนักที่สะสมค้างอยู่ในร่างกาย แต่นอกจากเรื่องล้างสารพิษแล้วยังมีส่วนช่วยระบบอื่น ๆ ในร่างกายได้อีกด้วย เรียกว่าข้อดีของการทำคีเลชั่นยังมีอีกหลายอย่าง 

  • ช่วยลดการสะสมของสารพิษและโลหะหนัก
  • ช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือดทั้งในสมองและหัวใจ
  • ลดความดันโลหิต 
  • ลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือด
  • ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
  • ช่วยให้ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น 
  • กระตุ้นการทำงานของเส้นเลือดบริเวณปลายแขนและปลายขาให้ทำงานได้ดีขึ้น
  • ช่วยบรรเทาอาการอัลไซเมอร์ 
  • ช่วยลดอาการของโรคภูมิแพ้

การเตรียมตัวก่อนทำคีเลชั่น

แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพราะหลังทำอาจรู้สึกอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะได้

ผลข้างเคียงจากการทำคีเลชั่น (Chelation) 

หลังทำคีเลชั่นครั้งแรกอาจมีอาการอ่อนเพลียได้ หรือในช่วงแรก ๆ จะรู้สึกว่ามีอาการมึนศีรษะหรืออ่อนเพลียจากการที่ร่างกายมีการพยายามขับสารพิษ

ข้อห้ามในการทำคีเลชั่น (Chelation) 

  • ผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  • ผู้ที่อยู่ระหว่างการให้เคมีบำบัดหรือฮอร์โมนบำบัด
  • ผู้ที่มีภาวะการทำงานของตับและไตบกพร่อง

ทำคีเลชั่น Chelation ได้บ่อยแค่ไหน

สามารถทำคีเลชั่นได้ทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และขึ้นอยู่กับอาการและผลตรวจร่างกายของแต่ละบุคคล ทั้งนี้สามารถทำต่อเนื่องได้ตั้งแต่ 5-10 ครั้ง 

คำแนะนำหลังการทำคีเลชั่น (Chelation) 

ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร ในช่วง 3 วันแรก เพื่อให้โลหะหนักถูกกำจัดออกทางปัสสาวะได้เร็วขึ้น และควรงดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำคีเลชั่นลดลง

แพ็กเกจบริการทำคีเลชั่น (Chelation) กับ S’RENE

โปรแกรมล้างสารพิษในหลอดเลือดคีเลชั่น Chelation therapy ราคา 8,900.-/ครั้ง

คีเลชั่น (Chelation) กับคลินิกสุขภาพคนเมือง S’RENE

เมื่อได้รู้จักการทำคีเลชั่น Chelation therapy การล้างพิษในหลอดเลือดแล้ว ขอบอกตรงนี้เลยว่าเป็นบริการที่ดีเหมาะกับคนเมืองในปัจจุบันมาก ๆ เพราะในทุก ๆ วันที่เราออกไปใช้ชีวิตเราไม่มีทางรู้เลยว่าเราต้องเผชิญกับสารพิษโลหะหนักมากน้อยแค่ไหน แต่การทำคีเลชั่น คือ ตัวช่วยทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขแล้วด้วยว่าเป็นวิธีล้างสารพิษที่ปลอดภัยและไม่อันตราย

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดคิวปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ S’RENE by SLC ได้ที่

  • สาขาทองหล่อ โทร 064 184 5237
  • สาขาชาน แจ้งวัฒนะ โทร 099 807 7261
  • Line: @SRENEbySLC หรือคลิก https://bit.ly/3IlXtvw

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

What Is Chelation Therapy?. WebMD Editorial. WebMD. https://www.webmd.com/balance/what-is-chelation-therapy

What to know about chelation therapy. Louise Morales-Brown. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/chelation-therapy#benefits 

อาการแบบไหน ? สัญญาณเตือน “โลหะหนัก” ตกค้างในร่างกาย. จิราภพ ทวีสูงส่ง. Thai PBS. https://www.thaipbs.or.th/now/content/1027

คีเลชั่นบำบัด. CHELATION MEDICAL ASSOCIATION, THAI. https://www.cmat.or.th/contentList.php?op=4

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่