เรื่องน่ารู้

Blogs

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ ตัดกระเพาะอาหาร เพื่อควบคุมน้ำหนัก!

อยากผอมไว ลดหุ่นปัง แต่การ ตัดกระเพาะอาหาร คือทางเลือกที่ใช่จริงหรือเปล่า? ก่อนจะจองคิวเข้าไปปรึกษาหมอ มาเช็กกันก่อนดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่ “ควรรู้” ก่อนที่ทำการตัดสินใจจองคิวปรึกษาและผ่าตัดกระเพาะอาหาร ตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสุขภาพของทุกคนจะดีทั้งตอนนี้และในระยะยาว!

1. การผ่าตัดกระเพาะอาหารไม่ได้เหมาะกับทุกคน

อย่าคิดว่าการตัดกระเพาะอาหารคือทางลัดในการลดน้ำหนักที่ใคร ๆ ก็ทำได้! เพราะวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มี ภาวะอ้วนรุนแรง (Morbid Obesity) และดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 หรือคนที่มีปัญหาสุขภาพร่วม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งน้ำหนักตัวส่งผลต่อโรคโดยตรง ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อตรวจสอบว่าร่างกายเหมาะกับการผ่าตัดหรือไม่ ในกรณีที่ BMI 30-35 แต่มีโรคร่วมที่ควบคุมไม่ได้ด้วยวิธีอื่น รวมถึงลองคุมน้ำหนักมาหลายวิธีแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

คำแนะนำ: อย่าตัดสินใจจากข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว! นัดพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและประเมินความพร้อมของร่างกาย เพราะการตัดกระเพาะอาหารต้องการ “การประเมินแบบเฉพาะบุคคล”

2. มีหลายเทคนิคในการผ่าตัดและควบคุมน้ำหนัก เลือกยังไงดี?

เทคนิคการผ่าตัดและการควบคุมน้ำหนักมีหลากหลายวิธี และผลลัพธ์ที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น

    • Gastric Sleeve: ตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออกให้เหลือเป็นท่อแคบ ช่วยลดปริมาตรกระเพาะ และลดฮอร์โมนหิว “เกรลิน” มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด และมีประสิทธิภาพในการควบคุมน้ำหนัก รวมถึงเป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุดอยู่ในตอนนี้
    • Gastric Bypass: เชื่อมกระเพาะอาหารเข้ากับลำไส้เล็ก ลดการดูดซึมแคลอรี เหมาะสำหรับคนที่มีเบาหวาน
    • Adjustable Gastric Band: ใส่สายรัดกระเพาะอาหารเพื่อควบคุมปริมาณอาหาร เหมาะกับคนที่ต้องการทางเลือกที่ปรับได้ แต่ผลลัพธ์อาจจะได้ประสิทธิภาพน้อยกว่าแบบอื่น
  • Balloon Gastric: คุมน้ำหนักแบบไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการกลืนบอลลูนในกระเพาะอาหาร ทำให้ทานได้น้อยลง ช่วยปรับพฤติกรรมการกิน

คำแนะนำ: แต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียต่างกัน ต้องเลือกให้เหมาะกับสุขภาพและเป้าหมายของแต่ละคน ให้นัดพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความคาดหวังและปัญหาสุขภาพ รวมถึงเทคนิคที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการคุมน้ำหนักมากขึ้น

3. ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับอยู่ที่พฤติกรรมหลังผ่าตัด

การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ช่วยลดความจุของกระเพาะอาหารก็จริง แต่ถ้าหลังผ่าตัดยังทานอาหารไม่ถูกหลัก หรือไม่ออกกำลังกาย ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะพังเอาได้ง่าย ๆ หรือไม่มีประสิทธิภาพมากพอ เพราะฉะนั้น การปรับพฤติกรรมการกิน รวมถึงการใช้ชีวิต เพราะการผ่าตัดช่วยลดขนาดกระเพาะ แต่ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยการกินของคุณ หากยังบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง น้ำหนักก็สามารถกลับมาเพิ่มได้ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดก็ถือว่าสำคัญมาก

คำแนะนำ:

  • หลังผ่าตัดควรเริ่มต้นด้วยอาหารเหลว และค่อย ๆ ปรับเป็นอาหารอ่อน
  • เน้นโปรตีนสูง ผักผลไม้ และลดการบริโภคแป้ง น้ำตาล และไขมัน
  • จัดตารางออกกำลังกายที่เหมาะสมกับร่างกาย

4. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดสำคัญไม่แพ้กัน

การผ่าตัดกระเพาะอาหารไม่ได้จองคิวแล้วเข้าห้องผ่าตัดได้ทันที! ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องผ่านการเตรียมตัว ซึ่งนอกจากการตรวจสุขภาพ ยังต้องเตรียม “จิตใจ” ให้พร้อม เช่น การทำความเข้าใจผลกระทบระยะสั้นและยาว และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังผ่าตัด เช่น

  • การปรับเปลี่ยนอาหารล่วงหน้า
  • การตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
  • การเตรียมใจสำหรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

คำแนะนำ:

  • ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการผ่าตัดทั้งหมด รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • เข้าร่วมโปรแกรม pre-op counseling กับผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อเตรียมพร้อม
  • ปรึกษา S’RENE by SLC เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพ และควบคุมน้ำหนักในระยะยาว

5. ผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ทุกการผ่าตัดมีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการตัดกระเพาะอาหารที่อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น

    • อาการคลื่นไส้ อาเจียน
    • การขาดสารอาหาร (เนื่องจากกินได้น้อยลง)
    • การขาดวิตามิน
    • ปัญหาลำไส้ทำงานผิดปกติ
  • ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลำไส้อุดตัน

คำแนะนำ:

  • ทานวิตามินเสริม เช่น วิตามิน B12, ธาตุเหล็ก, และแคลเซียมตามคำแนะนำแพทย์
  • การติดตามผลและปรึกษาแพทย์อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็น

6. ผลลัพธ์เปลี่ยนชีวิตได้ แต่ต้องมีวินัย

คนที่ตัดกระเพาะอาหารสำเร็จแล้วน้ำหนักลดลงอย่างถาวร มักเป็นคนที่มีวินัยสูง! เพราะการผ่าตัดเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ที่ช่วยให้หุ่นเข้าที่ แต่การรักษาหุ่นให้อยู่ได้นานคือสิ่งที่ทุกคนต้องทำด้วยตัวเอง เช่น

  • การกินอาหารที่เหมาะสม (โปรตีนสูง แป้งน้อย)
  • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • การดูแลสุขภาพจิต เพราะน้ำหนักลดอาจมีผลต่ออารมณ์

7. ต้องหาข้อมูลคลินิกหรือโรงพยาบาลอย่างละเอียด

การผ่าตัดกระเพาะอาหารเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องเลือกสถานที่ที่มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ และมี การติดตามผลหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสี่ยงและมั่นใจในผลลัพธ์

คำแนะนำ: มองหาสถานพยาบาลที่มีการรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ และการติดตามผลที่ดี

โปรแกรมศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร เทคนิค Sleeve Gastrectomy ที่ S’RENE by SLC

S'RENE by SLC

8. ค่าผ่าตัดอาจมีค่าใช้จ่ายสูง

แม้ว่าการตัดกระเพาะอาหารจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นในระยะยาว แต่ทุกคนต้องคำนึงถึง ค่าใช้จ่าย ที่รวมถึงการผ่าตัด การติดตามผล และการตรวจสุขภาพต่อเนื่อง ซึ่งอาจอยู่ในหลักหลายหมื่นถึงหลักแสน การผ่าตัดกระเพาะอาหารถือเป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าในระยะยาว แต่ค่าใช้จ่ายรวมถึงค่ายา การตรวจติดตาม และอาหารเสริมก็เป็นสิ่งที่ต้องคิดไว้ก่อนตัดสินใจ

คำแนะนำ: เช็กกับโรงพยาบาลเกี่ยวกับแพ็กเกจและบริการหลังผ่าตัด เช่น โปรแกรมติดตามผลหรือทีมดูแลโภชนาการ

9. การผ่าตัดกระเพาะอาหารไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกปัญหา

ถ้าปัญหาน้ำหนักเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น ความเครียด ฮอร์โมนผิดปกติ หรือปัญหาทางจิตใจ การปรับสมดุลของร่างกาย อาจเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน ดังนั้น การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกันจึงสำคัญมาก

10. อย่าลืมว่าความสำเร็จต้องใช้เวลา

หลังการผ่าตัด ทุกคนอาจต้องปรับตัวกับชีวิตใหม่ เช่น การกินอาหารในปริมาณน้อยลง และผลลัพธ์จะไม่ได้มาในทันที แต่จะค่อย ๆ เห็นผลในช่วง 6-12 เดือน อย่าใจร้อน! แต่แอบบอกว่า เคสที่มารับการผ่าตัดกระเพาะ เพื่อควบคุมน้ำหนักกับเรา เห็นผลตั้งแต่เดือนแรก และถ้าดูแลตัวเองดี เพียงแค่ 3 เดือน ก็เห็นถึงความแตกต่างแล้วล่ะ

การผ่าตัดกระเพาะอาหารไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการดูแลสุขภาพ 

หากทุกคนกำลังคิดจะตัดกระเพาะอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้รอบด้านและปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มจากการตัดสินใจที่ดีด้วย! รวมถึงผลลัพธ์ที่ยั่งยืนก็มาจากความมุ่งมั่น ใช้การผ่าตัดกระเพาะอาหารให้เป็น “โอกาส” ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ รวมถึงวางแผนชีวิตสุขภาพในระยะยาว เพราะซีรีนอยากให้ทุกคนเข้าใจตัวเอง เลือกสิ่งที่ใช่ และดูแลสุขภาพให้เหมาะสม 

สนใจบริการหรือต้องการปรึกษาปัญหาสุขภาพเพิ่มเติม รับคำแนะนำด้านสุขภาพที่แม่นยำ และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันได้ที่ S’RENE by SLC สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่ 

▪️ สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237

▪️ สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร  099 807 7261

▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร  081 249 7055

▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่