เรื่องน่ารู้

Blogs

กลืนบอลลูน vs ผ่าตัดกระเพาะ : สงครามลดน้ำหนัก เลือกวิธีไหนที่ใช่สำหรับคุณ?

การต่อสู้กับภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน เป็นเรื่องท้าทายที่หลายคนเผชิญ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วยหลากหลายวิธี โดยสองวิธีที่มักถูกนำมาเปรียบเทียบกันบ่อยครั้งคือ “การกลืนบอลลูนลดน้ำหนัก” (Swallowable Gastric Balloon) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด และ “การผ่าตัดกระเพาะอาหาร” (Bariatric Surgery) ซึ่งเป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบย่อยอาหาร ทำให้หลายคนกำลังคิดไม่ตกว่า กลืนบอลลูน vs ผ่าตัดกระเพาะ แบบไหนจะดีกว่ากัน ตัดสินใจยังไงดี

โดยทั้งสองวิธีมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดน้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องของขั้นตอน ความเสี่ยง ผลลัพธ์ และความเหมาะสม บทความนี้ S’RENE by SLC จะพาคุณไปเจาะลึก เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย และให้คำแนะนำว่าวิธีไหนอาจจะเหมาะกับใคร เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกเส้นทางการลดน้ำหนักที่ใช่สำหรับคุณ

ทำความเข้าใจภาพรวม กลืนบอลลูน vs ผ่าตัดกระเพาะ : ไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก แต่คือการเปลี่ยนชีวิต

กลืนบอลลูน vs ผ่าตัดกระเพาะ แบบไหนดีกว่ากัน? ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ทั้งการกลืนบอลลูนและการผ่าตัดกระเพาะ ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักระยะสั้น หรือทางลัดสู่หุ่นดีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน สามารถเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว

1. การกลืนบอลลูน (Swallowable Gastric Balloon)

  • หลักการทำงาน: ผู้ป่วยกลืนแคปซูลที่บรรจุบอลลูนที่ยังไม่พองลมลงไป เมื่อถึงกระเพาะอาหาร แพทย์จะเติมน้ำเกลือเข้าไปในบอลลูนผ่านสายเล็ก ๆ (ที่ติดมากับแคปซูลและจะดึงออกภายหลัง) จนได้ขนาดที่ต้องการ บอลลูนจะเข้าไปแทนที่พื้นที่ในกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและทานได้น้อยลง
  • ขั้นตอน:
    • กลืนแคปซูล (คล้ายยาเม็ดขนาดใหญ่)
    • เอ็กซเรย์ (X-ray) เพื่อยืนยันตำแหน่ง
    • เติมน้ำเกลือใส่บอลลูนผ่านสายเล็กๆ
    • ดึงสายออกทางปาก
    • ไม่ต้องส่องกล้อง ไม่ต้องดมยาสลบ
  • ระยะเวลา: บอลลูนชนิดนี้มักอยู่ในกระเพาะประมาณ 3 เดือน จากนั้นจะสลายตัวและขับถ่ายออกทางอุจจาระตามธรรมชาติ ไม่ต้องกลับมาเอาออก
  • ข้อดี:
    • ไม่ผ่าตัด: เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการผ่าตัดมาก
    • ไม่ต้องดมยาสลบ: ลดความเสี่ยงและข้อกังวลจากการใช้ยาสลบ
    • สะดวก รวดเร็ว: ขั้นตอนการใส่ใช้เวลาไม่นาน (ประมาณ 15-20 นาที)
    • ฟื้นตัวไว: กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว
    • ไม่ต้องเอาออก: บอลลูนสลายและขับถ่ายเอง หลังจบโปรแกรมครบ 90 วัน
    • เป็นทางเลือกชั่วคราว: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ “ตัวช่วย” เริ่มต้นการลดน้ำหนัก หรือยังไม่พร้อม/ไม่ต้องการผ่าตัด
  • ข้อเสีย:
    • ผลลัพธ์ชั่วคราว: เมื่อบอลลูนออกไปแล้ว หากไม่ปรับพฤติกรรม น้ำหนักอาจกลับมาเพิ่มขึ้นได้
    • ลดน้ำหนักได้น้อยกว่าผ่าตัด: โดยทั่วไปคาดหวังการลดน้ำหนักส่วนเกินได้ประมาณ 10-15%
    • อาจมีผลข้างเคียงช่วงแรก: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง (มักดีขึ้นในไม่กี่วัน)
    • ไม่เหมาะกับทุกคน: มีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง หรือเคยผ่าตัดกระเพาะอาหารมาก่อน
  • เหมาะกับใคร?
    • ผู้ที่มี BMI ประมาณ 27-35 (หรือตามดุลยพินิจของแพทย์)
    • ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่ยังไม่ถึงเกณฑ์ผ่าตัด หรือกลัวการผ่าตัด
    • ผู้ที่ต้องการ “ตัวช่วย” ชั่วคราวเพื่อปรับพฤติกรรม
    • ผู้ที่เข้าใจว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และต้องปรับไลฟ์สไตล์ต่อเนื่อง

 

2. การผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Bariatric Surgery)

  • หลักการทำงาน: เป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกระเพาะอาหาร และ/หรือ ลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลง (ทานได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น) และ/หรือ ลดการดูดซึมสารอาหารบางส่วน มีหลายเทคนิค เช่น การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ (Sleeve Gastrectomy), การผ่าตัดบายพาสกระเพาะ (Gastric Bypass)
  • ขั้นตอน:
    • เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องทำในโรงพยาบาล
    • ต้องดมยาสลบ
    • ส่วนใหญ่มักใช้วิธีผ่าตัดผ่านกล้อง (แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว)
    • ต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาล และมีระยะเวลาพักฟื้นที่บ้าน
  • ระยะเวลา: เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ ถาวร หรือ กึ่งถาวร
  • ข้อดี:
    • ลดน้ำหนักได้มากที่สุด: สามารถลดน้ำหนักส่วนเกินได้สูงถึง 50-80% หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับเทคนิคและวินัยของผู้ป่วย
    • ผลลัพธ์ระยะยาว: หากปรับพฤติกรรมร่วมด้วย สามารถควบคุมน้ำหนักได้ดีในระยะยาว
    • รักษาโรคร่วมจากความอ้วน: ช่วยให้อาการของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ดีขึ้นหรือหายได้
    • มีข้อมูลทางการแพทย์และผลการศึกษาระยะยาวรองรับมากมาย
  • ข้อเสีย:
    • เป็นการผ่าตัด: มีความเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดใหญ่ทั่วไป (เช่น เลือดออก ติดเชื้อ แพ้ยาสลบ)
    • ต้องดมยาสลบ: มีความเสี่ยงจากการดมยาสลบ
    • พักฟื้นนานกว่า: ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการกลืนบอลลูน
    • เปลี่ยนแปลงถาวร: ไม่สามารถย้อนกลับได้ในบางเทคนิค
    • อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนระยะยาว: เช่น การขาดวิตามินและแร่ธาตุ (ต้องทานอาหารเสริมตลอดชีวิต), นิ่วในถุงน้ำดี, ลำไส้อุดตัน (พบได้น้อย)
    • ค่าใช้จ่ายสูงกว่า: โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงกว่าการกลืนบอลลูน
    • ต้องปรับตัวกับการกินอย่างเคร่งครัด: ต้องทานอาหารปริมาณน้อยลง และเลือกประเภทอาหาร
  • เหมาะกับใคร?
    • ผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรง (BMI > 35 หรือมีโรคร่วม)
    • ผู้ที่ล้มเหลวจากการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นมาแล้ว
    • ผู้ที่มีโรคร่วมจากความอ้วนที่รุนแรง
    • ผู้ที่เข้าใจและยอมรับความเสี่ยงของการผ่าตัด
    • ผู้ที่มีความมุ่งมั่นสูงในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการติดตามผลระยะยาว

 

ตารางเปรียบเทียบ: กลืนบอลลูน vs ผ่าตัดกระเพาะ

คุณสมบัติ การกลืนบอลลูน (Swallowable Balloon) การผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Bariatric Surgery)
ลักษณะหัตถการ ไม่ผ่าตัด ผ่าตัด
การดมยาสลบ ไม่จำเป็น จำเป็น (ยาสลบ)
ความถาวร ชั่วคราว (ประมาณ 3 เดือน) ถาวร / กึ่งถาวร
% การลดน้ำหนักส่วนเกิน ประมาณ 10-15% สูง (50-80%+)
การฟื้นตัว เร็ว (หลักวัน) ช้ากว่า (หลักสัปดาห์/เดือน)
การนำออก สลายและขับถ่ายออกเอง ไม่มีการนำออก (เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง)
ความเสี่ยงหลัก ผลข้างเคียงช่วงแรก (คลื่นไส้) ความเสี่ยงจากการผ่าตัด, ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงการกิน ทานน้อยลงช่วงใส่บอลลูน ต้องปรับเปลี่ยนถาวร
การรักษาโรคร่วม อาจช่วยได้บ้าง มีประสิทธิภาพสูง
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ต่ำกว่า สูงกว่า

 

สรุป กลืนบอลลูน vs ผ่าตัดกระเพาะ เลือกให้เหมาะกับเป้าหมายและร่างกาย

  • กลืนบอลลูน: เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการตัวช่วย “เริ่มต้น” การลดน้ำหนักแบบ “ไม่ผ่าตัด” และ “ชั่วคราว” เหมาะกับผู้ที่มี BMI ไม่สูงมากนัก และเข้าใจว่าต้องอาศัยวินัยในการปรับพฤติกรรมหลังบอลลูนออกไปแล้ว
  • ผ่าตัดกระเพาะ: เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วน “รุนแรง” ต้องการผลลัพธ์การลดน้ำหนักที่ “มาก” และ “ยั่งยืน” พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกิดจากความอ้วน แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงจากการ “ผ่าตัด” และการเปลี่ยนแปลง “ถาวร”

คำแนะนำสำคัญ ไม่ว่า กลืนบอลลูน vs ผ่าตัดกระเพาะ ต้องทำความเข้าใจให้ละเอียด

การตัดสินใจเลือกระหว่างการกลืนบอลลูนกับการผ่าตัดกระเพาะ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการประเมินอย่างละเอียด ทั้งสภาพร่างกาย โรคประจำตัว ค่า BMI ความคาดหวัง และความพร้อมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แพทย์จะสามารถให้คำแนะนำที่ดีที่สุดว่าวิธีใดเหมาะสมกับคุณมากที่สุด และจะช่วยวางแผนการรักษาและการดูแลติดตามผลในระยะยาว เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักและมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

นอกจากนี้ไม่ว่าจะวิธีไหน การดูแลตัวเองก็สำคัญที่สุด อย่าคิดว่าเลือกทั้งสองทางแล้ว จะไม่ต้องดูแลตัวเอง หรือควบคุมพฤติกรรม และการปรับการทานอาหาร รวมถึงออกกำลังกาย เพราะทั้งสองวิธี เป็นแค่ตัวช่วยในการดูแลน้ำหนักเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และการทานอาหาร กับออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอร่วมด้วยนั่นเอง

S’RENE by SLC พร้อมให้คำแนะนำและดูแลคุณในทุกขั้นตอนของการจัดการน้ำหนัก โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน เพื่อตอบสนองทุกความต้องการเริ่มต้นการจัดการน้ำหนักและดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ทุกสาขา

▪️ สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237

▪️ สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร  099 807 7261

▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร  081 249 7055

▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669

▪️ สาขา สยาม  – โทร 064 139 6390 และ 081-249-6392

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่