ช่วงนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีข่าวนึงที่ดังมากในโลกออนไลน์ จนเกิดขึ้นมาเป็นคีย์เวิร์ดขึ้นมาว่า “คอคาร์บอน” ว่าแต่คอคาร์บอนคืออะไร มีใครเคยสังเกตมั้ยว่า คนที่มีน้ำหนักเกินในบางคน มักจะมีรอยดำที่คอด้านหลัง แล้วทำให้ เอ๊ะ! ทำไมเค้าไม่ขัดขี้ไคลซะบ้าง? จนหลายคนโดนบูลลี่ว่า “คอดำ” แต่อย่าเพิ่งรีบบูลลี่ว่าสกปรกไปล่ะ เพราะจริง ๆ แล้ว คอคาร์บอน ไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาผิวหนัง แต่ยังเป็นสัญญาณอันตรายของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเรา ซึ่งร่างกายกำลังเตือนคุณอยู่นั่นเอง!
ในบทความนี้ S’RENE by SLC จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ “คอคาร์บอน” หรือ ภาวะคอดำ ว่ามันคืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร และทำไมมันถึงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมวิธีการดูแลและรักษาที่จะช่วยให้คุณกลับมามีผิวคอที่กระจ่างใสและมีสุขภาพที่ดีขึ้น!
คอคาร์บอน หรือ ภาวะคอดำ คืออะไร? ไม่ใช่ขี้ไคลเหรอ?
“คอคาร์บอน” หรือ คอดำ คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แอแคนโธซิส ไนกริแคนส์ (Acanthosis Nigricans) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ผิวบริเวณคอ, ข้อพับ หรือบริเวณร่างกายบางจุดมีสีคล้ำหรือหมองคล้ำ โดยจะเกิดการสะสมของเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง ซึ่งมีสาเหตุจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ ภาวะฮอร์โมน, ระดับอินซูลินในเลือดสูง, หรือ ปัญหาสุขภาพบางประการ
โดยภาวะคอดำนี้ จะมีลักษณะเป็นรอยหมองคล้ำหรือดำหนาปื้น ขรุขระ คล้ายขี้ไคล และไม่สามารถทำความสะอาดล้างออกได้ด้วยการขัดผิวแบบปกติ โดยการที่คอมีสีคล้ำนี้ไม่เพียงแต่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูไม่สวยงาม แต่ยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาผิวหนัง รวมถึงสุขภาพภายในที่ต้องการการแก้ไขแบบด่วน ๆ
อาการของโรคแอแคนโธซิส ไนกริแคนส์
อาการคอดำนี้มักเกิดขึ้นช้า ๆ และค่อย ๆ พัฒนาในระยะเวลาหลายเดือนหรือหลายปี หากอาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณของมะเร็ง ซึ่งพบได้น้อยมาก
- ผิวหนังเป็นรอยแผลสีน้ำตาลหรือดำคล้ำ
- ผิวหนังรู้สึกนุ่มเหมือนผ้า
- มีติ่งผิวหนัง
- อาการคัน
- ผิวหนังมีกลิ่นเหม็น
ภาวะคอดำ หรือ คอคาร์บอน สามารถเกิดที่ไหนได้บ้าง?
ภาวะคอดำ หรือ คอคาร์บอน ไม่จำเป็นต้องเกิดที่คอเสมอไปเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้หลาย ๆ จุด ในร่างกาย ดังต่อไปนี้
- คอ: คอเป็นส่วนที่มีการสัมผัสกับแสงแดดและอากาศมากที่สุด การดูแลผิวในบริเวณนี้จึงสำคัญ
- รักแร้: การสะสมของเหงื่อหรือการเสียดสีระหว่างผิวกับเสื้อผ้าอาจทำให้ผิวคล้ำขึ้นได้
- ข้อพับ: บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวหรือเสียดสีบ่อย ๆ เช่น ข้อพับเข่าหรือข้อศอกอาจมีการสะสมของเม็ดสี
- หลัง: ส่วนหลังซึ่งมักมีการเสียดสีจากการสวมเสื้อผ้าอาจทำให้เกิดปัญหาคอดำได้เช่นกัน
- ขาหนีบ: จะเป็นรอยดำ ๆ คล้ำ เพราะเกิดการเสียดสีได้ง่ายมากกว่าปกติ
ทำไมคอถึงดำ? สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากอะไร?
สาเหตุของภาวะคอดำ หรือที่หลายคนเรียกว่า “คอคาร์บอน” อยู่ตอนนี้ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งบางครั้งอาจเป็นผลมาจากพฤติกรรมการดูแลตัวเอง หรือปัญหาสุขภาพที่อยู่ภายในร่างกาย ดังนี้
1. การสะสมไขมันในร่างกาย
ภาวะ คอดำ มักเกิดในคนที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน การสะสมของไขมันในบริเวณคอและใต้คางอาจทำให้ผิวคอดูคล้ำขึ้นได้ โดยการสะสมไขมันนี้อาจเกิดจากการทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือขาดการออกกำลังกายที่เพียงพอ
2. ภาวะดื้ออินซูลิน
การที่ร่างกายไม่สามารถใช้ อินซูลิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและมีผลต่อการสะสมเม็ดสีที่ผิว ซึ่งอาจทำให้คอและบริเวณอื่นๆ ของร่างกายเกิด ผิวคล้ำ หรือ คอดำ ได้ง่าย หากภาวะนี้ไม่ได้รับการควบคุมอาจนำไปสู่การพัฒนาเป็นโรคเบาหวาน
3. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน เช่น ในช่วง การตั้งครรภ์ หรือ การใช้ยาฮอร์โมน อาจส่งผลให้การผลิตเม็ดสีผิว (เมลานิน) เกิดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการคล้ำในบางบริเวณของร่างกาย โดยเฉพาะที่คอ และรักแร้
4. ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ
โรคที่เกี่ยวข้องกับ ฮอร์โมน เช่น โรคไทรอยด์, โรคแอดดิสัน, หรือ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถทำให้เกิด แอแคนโธซิส ไนกริแคนส์ ได้ นอกจากนี้ โรคที่เกี่ยวข้องกับ ต่อมใต้สมอง ก็สามารถทำให้เกิดสภาพผิวที่คล้ำได้
5. การสัมผัสแสงแดดโดยตรง
การถูกแสงแดดทำร้ายในระยะยาว โดยเฉพาะหากไม่ทาครีมกันแดดที่คอ อาจทำให้ผิวบริเวณคอเกิด การผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ซึ่งทำให้ผิวคล้ำขึ้นและเกิด คอดำ ได้
6. การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (ขี้ไคล)
บางครั้ง การสะสมขี้ไคล หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่คอจากการขาดการดูแลทำความสะอาดที่ดีอาจทำให้ผิวคอดูหมองคล้ำได้ ดังนั้น การทำความ
7. โรคบางชนิด
บางโรค เช่น โรคเบาหวาน หรือ โรคเกี่ยวกับฮอร์โมน อาจทำให้เกิดการสะสมของเม็ดสีในบริเวณคอและทำให้คอดำได้ ซึ่งเป็นสัญญาณของการเกิดภาวะทางการแพทย์ที่ควรได้รับการรักษา
8. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง
การใช้ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่มีสารเคมีรุนแรงหรือสารน้ำหอมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณคออาจทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการอักเสบหรือคล้ำขึ้นได้
9. สาเหตุทางพันธุกรรม
บางคนอาจเกิดมาพร้อมกับภาวะ แอแคนโธซิส ไนกริแคนส์ เนื่องจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากสมาชิกในครอบครัว หากมีคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ โอกาสที่ลูกหลานจะมีภาวะนี้ก็จะสูงขึ้น
10. ยาบางชนิด
การใช้ ยาคุมกำเนิด หรือ ยาสเตียรอยด์ อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคแอแคนโธซิส ไนกริแคนส์ เนื่องจากยาที่มีผลต่อฮอร์โมนอาจทำให้ผิวหนังเปลี่ยนแปลงหรือคล้ำขึ้น
ทำไมต้องระวังปัญหาคอดำ กับ คอคาร์บอน ?
แม้ว่าการ คอดำ จะไม่ใช่ปัญหาผิวที่ร้ายแรงในทันที แต่การปล่อยให้ปัญหานี้อยู่โดยไม่รับการรักษาหรือดูแลอาจกลายเป็นภัยเงียบที่คุณไม่คาดคิดได้! การมีคอที่คล้ำหรือรอยดำอาจเป็นสัญญาณของ ภาวะสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เช่น การดื้ออินซูลินที่สามารถพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานหรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบการเผาผลาญ
การมองข้ามปัญหานี้อาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการพัฒนาปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้นในอนาคต และที่สำคัญการดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิวในระยะยาว
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นภาวะคอคาร์บอนกว่าคนอื่น ?
ใคร ๆ ก็สามารถเป็นภาวะคอดำได้ รวมถึงคนที่มีสุขภาพดีโดยทั่วไป แต่สำหรับใครที่เผชิญกับปัญหาหรือภาวะเหล่านี้อาจเสี่ยงมากกว่าคนอื่น
- มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้
- มีเชื้อสายชาวอเมริกันพื้นเมือง, แอฟริกัน, แคริบเบียน หรือฮิสแปนิก
- มีผิวที่คล้ำ
ภาวะคอดำอาจเป็นสัญญาณของโรคต่อไปนี้!
1. โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)
ภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งมักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่จะพัฒนาไปเป็น โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุหลักของการเกิด คอดำ การดื้ออินซูลินทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น การมีอินซูลินสูงจะกระตุ้นการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวบริเวณคอ, ข้อพับ หรือรักแร้คล้ำขึ้น
2. โรคอ้วน (Obesity)
คนที่มี น้ำหนักเกิน หรือ โรคอ้วน มักมี คอดำ เนื่องจากมีการสะสมไขมันในร่างกายมากเกินไป โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการเสียดสีหรือเกิดการกดทับบ่อย ๆ เช่น บริเวณคอ ข้อพับ หรือรักแร้ การสะสมไขมันนี้จะทำให้ผิวบริเวณเหล่านั้นมีสีคล้ำขึ้นได้
3. โรคเกี่ยวกับฮอร์โมน (Hormonal Disorders)
โรคที่มีผลต่อระดับ ฮอร์โมน ในร่างกาย เช่น โรคไทรอยด์ (Hypothyroidism), โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease), หรือ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ อาจทำให้เกิด คอดำ ได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีในผิวหนัง
4. โรคต่อมใต้สมอง (Pituitary Disorders)
ความผิดปกติของ ต่อมใต้สมอง ที่ควบคุมฮอร์โมนในร่างกาย เช่น การผลิตฮอร์โมนที่ไม่สมดุล อาจทำให้เกิดอาการ คอดำ โดยเฉพาะหากเกิดการผลิตฮอร์โมนที่มากเกินไป เช่น การผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโต
5. โรคมะเร็งบางชนิด (Cancer)
ในบางกรณี คอดำ อาจเกี่ยวข้องกับการเกิด โรคมะเร็ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีมะเร็งในระบบทางเดินอาหารหรือมะเร็งตับ ซึ่งบางครั้งภาวะ Acanthosis Nigricans สามารถเป็นสัญญาณเตือนของการมีมะเร็งในระยะเริ่มต้น
6. โรคซิสติก ฟีโบรซิส (Cystic Fibrosis)
แม้ว่าโรคนี้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการสะสมของไขมันในร่างกาย แต่ในบางกรณี คอดำ ก็อาจเกิดขึ้นในผู้ที่มี โรคซิสติก ฟีโบรซิส ที่มีผลต่อการทำงานของระบบการย่อยอาหาร
การดูแลและรักษาภาวะคอดำ หรือ “คอคาร์บอน“
1. การลดน้ำหนักและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
แน่นอนว่า จะพบเห็นภาวะคอดำได้กับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ดังนั้นการรักษาขั้นตอนแรก ต้องเริ่มจากการควบคุมน้ำหนัก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทานอาหารและการออกกำลังกายจะช่วยลดไขมันในร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดการเกิดคอดำและอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคแอแคนโธซิส ไนกริแคนส์
2. การควบคุมระดับน้ำตาลและอินซูลิน
สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาโรคอ้วน แต่มีปัญหาในเรื่องของน้ำตาล การควบคุมระดับ น้ำตาลในเลือด เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดอาการของโรคแอแคนโธซิส ไนกริแคนส์ หากคุณมีโรคอ้วนหรือเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะนี้
3. รักษาความสะอาดของผิว พร้อมบำรุง
การทำความสะอาดผิวให้สะอาดจากสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในช่องคอ, รักแร้ หรือข้อพับจะช่วยป้องกันการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดการคล้ำ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่ง จำพวกครีมที่มี วิตามิน C หรือ AHA เพื่อช่วยปรับสีผิวและกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้ผิวคอและส่วนอื่น ๆ แลดูกระจ่างใสขึ้น
4. การฟื้นฟูผิวด้วยเทคโนโลยี
ถ้าอยากได้ตัวช่วยพิเศษ ในการบูสต์พลังผิว อาจเลือกรับบริการโปรแกรมต่าง ๆ ตามคลินิกเสริมความงาม หรือถ้าอย่างเน้นไปที่ฟื้นฟูจากภายใน เทคโนโลยี Indiba Deep Care หรือ การทำเลเซอร์ฟื้นฟูผิว ก็สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในผิวหนังและช่วยให้ผิวคอกลับมามีความกระจ่างใสขึ้น
5. หมั่นทาครีมกันแดด
สำหรับผู้ที่มีต้องทำงานอยู่ข้างนอก หรือเจอแดดอยู่เป็นประจำ อย่าลืมที่จะทาครีมกันแดดที่บริเวณหน้าและคอ เพราะแสงยูวี ก็เป็นตัวการที่เร่ง หรือทำลายผิวให้คล้ำยิ่งขึ้น
6. ปรึกษาแพทย์และรับคำแนะนำโดยตรง
ในกรณีที่รอยดำเกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน โรคเบาหวาน ฮอร์โมนผิดปกติ หรือโรคอื่น ๆ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
สรุป คอดำหรือ “คอคาร์บอน” ปัญหาที่ต้องใส่ใจ
คอดำอาจจะเป็นปัญหาที่หลายคนมองข้าม และไม่ได้ใส่ใจนัก รวมถึงไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง หรือโรคติดต่อ แต่จริงๆ แล้วมันอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่คุณไม่ควรละเลย! รวมถึงคนรอบข้างที่คอยจับผิดหรือดูถูก จนบั่นทอนทั้งจิตใจ และสุขภาพ ด ดังนั้นการดูแลสุขภาพผิวและการควบคุมพฤติกรรมที่อาจทำให้เกิดภาวะคอดำ จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหานี้ในระยะยาว อย่าลืมว่าการดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและดูดีไปตลอด อย่าปล่อยให้มีใครมาเรียกเราว่า คอคาร์บอน ได้อีกต่อไป!
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ S’RENE by SLC วันนี้ เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลสุขภาพ พร้อมให้คำแนะนำและดูแลคุณในทุกขั้นตอนของการจัดการน้ำหนัก โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ ในการเริ่มต้นดูแลน้ำหนักและสุขภาพอย่างถูกต้อง และจริงจัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ทุกสาขา
▪️ สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
▪️ สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
▪️ สาขา สยาม – โทร 064 139 6390 และ 081-249-6392
สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่