ปัญหาไขมันหน้าท้องเป็นปัญหาที่ผู้ชายหลายคนกำลังเผชิญ ไม่เพียงส่งผลต่อรูปร่างและความมั่นใจ แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายหลายชนิด อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ การลดไขมันหน้าท้องผู้ชายจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง วันนี้ S’RENE by SLC ได้รวบรวม 10 วิธีลดไขมันหน้าท้องผู้ชายที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสามารถทำได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยให้คุณมีหุ่นที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น
10 วิธีลดไขมันหน้าท้องผู้ชายอย่างมีประสิทธิภาพ
การลดไขมันหน้าท้องผู้ชายอย่างได้ผลจำเป็นต้องใช้วิธีการที่ครอบคลุม ทั้งการปรับเปลี่ยนอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสม และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต ต่อไปนี้คือ 10 วิธีที่ช่วยให้คุณลดไขมันหน้าท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
การลดไขมันหน้าท้องผู้ชายเริ่มต้นที่จานอาหาร การปรับเปลี่ยนอาหารที่บริโภคเป็นปัจจัยสำคัญในการลดไขมัน อาหารแปรรูปและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเป็นสาเหตุหลักของการสะสมไขมันหน้าท้อง ควรลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ แล้วหันมาเพิ่มการบริโภคโปรตีนคุณภาพดี เช่น ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่ว ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและรักษามวลกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ ควรเพิ่มอาหารประเภทผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อช่วยในการย่อยอาหารและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงเลือกบริโภคไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด และถั่วต่างๆ แทนไขมันอิ่มตัวจากเนื้อสัตว์ติดมันและอาหารทอด การวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าและควบคุมขนาดของอาหารที่รับประทานก็เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้การลดไขมันหน้าท้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหรือแอโรบิกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดไขมันหน้าท้องผู้ชาย เพราะช่วยเผาผลาญแคลอรีในปริมาณมากและกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยลดไขมันทั่วร่างกายรวมถึงบริเวณหน้าท้อง กิจกรรมคาร์ดิโอที่มีประสิทธิภาพในการลดไขมันหน้าท้องมีหลายรูปแบบ เช่น
- การวิ่ง – เป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงในการเผาผลาญแคลอรี ควรวิ่ง 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาที สำหรับผู้เริ่มต้น อาจเริ่มจากการเดินเร็วสลับกับการวิ่งเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาและความเข้มข้น
- ว่ายน้ำ – เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ใช้กล้ามเนื้อเกือบทุกส่วนของร่างกาย โดยไม่กระแทกข้อต่อ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าหรือข้อเท้า ควรว่ายน้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30-45 นาที เพื่อให้ได้ผลในการลดไขมันหน้าท้อง
- ปั่นจักรยาน – ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานกลางแจ้งหรือจักรยานในฟิตเนส ล้วนช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดี ปั่นจักรยาน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30-60 นาที โดยอาจเพิ่มความท้าทายด้วยการปั่นขึ้นเนินหรือเพิ่มความเร็วเป็นช่วง ๆ (interval training) เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญมากขึ้น
3. ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
การฝึกกล้ามเนื้อไม่เพียงช่วยสร้างรูปร่างที่แข็งแรง แต่ยังเพิ่มอัตราการเผาผลาญพื้นฐานของร่างกาย (BMR) ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นแม้ในยามพัก ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการลดไขมันหน้าท้องผู้ชาย การฝึกกล้ามเนื้อควรครอบคลุมทุกส่วนของร่างกาย ไม่ใช่เฉพาะหน้าท้อง เพราะการออกกำลังกายแบบเต็มร่างกายจะช่วยเผาผลาญไขมันได้มากกว่า โดยมีท่าที่แนะนำ ดังนี้
- Plank – ท่านี้ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core) ซึ่งรวมถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วย เริ่มจากการทำท่า Plank ค้างไว้ 20-30 วินาที จำนวน 3 เซต และค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น การทำ Plank อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้หน้าท้องกระชับและแข็งแรงขึ้น
- Crunch – เป็นท่าที่เน้นกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนบน ทำโดยนอนหงาย เข่างอ ยกลำตัวส่วนบนขึ้น ควรทำ 15-20 ครั้งต่อเซต จำนวน 3 เซต ระหว่างทำให้เน้นการหายใจและการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการลดไขมันหน้าท้อง
- Russian Twist – ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนข้าง ทำโดยนั่ง ยกเท้าขึ้น ลำตัวเอนไปด้านหลังเล็กน้อย แล้วบิดลำตัวไปทางซ้ายและขวาสลับกัน ทำ 15-20 ครั้งต่อข้าง จำนวน 3 เซต การเพิ่มน้ำหนักหรือใช้ลูกบอลน้ำหนักจะช่วยเพิ่มความท้าทายและประสิทธิภาพมากขึ้น
4. การทำ IF (Intermittent Fasting)
Intermittent Fasting หรือการทำ IF เป็นวิธีการลดไขมันหน้าท้องผู้ชายที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีงานวิจัยสนับสนุนประสิทธิภาพในการลดไขมันและปรับปรุงสุขภาพเมตาบอลิซึม หลักการของ IF คือการกำหนดช่วงเวลาในการรับประทานอาหารและช่วงเวลาอดอาหาร รูปแบบที่นิยม เช่น 16/8 คือ อดอาหาร 16 ชั่วโมง และรับประทานอาหารในช่วง 8 ชั่วโมงที่เหลือ
การทำ IF ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันหน้าท้องได้มากขึ้น เพราะในช่วงที่อดอาหาร ระดับอินซูลินจะลดลง ทำให้ร่างกายดึงพลังงานจากไขมันที่สะสมมาใช้ อย่างไรก็ตาม ควรระวังไม่ให้รับประทานอาหารมากเกินไปในช่วงเวลาที่สามารถทานได้ และควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง IF อาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทำ IF
5. จัดการความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมไขมันหน้าท้องในผู้ชาย เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการสะสมไขมันโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง นอกจากนี้ ความเครียดยังอาจนำไปสู่พฤติกรรมการกินที่ไม่ดี เช่น การกินเพื่อคลายความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น หรือการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ ซึ่งล้วนส่งผลเสียต่อการลดไขมันหน้าท้อง
การจัดการกับความเครียดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การฝึกโยคะซึ่งช่วยผ่อนคลายจิตใจและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายไปพร้อมกัน การฝึกสมาธิหรือการหายใจอย่างมีสติที่ช่วยลดระดับคอร์ติซอลและทำให้จิตใจสงบ หรือการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบเพื่อผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือเดินในธรรมชาติ การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความเครียดและส่งเสริมการลดไขมันหน้าท้องผู้ชาย
6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับที่มีคุณภาพและเพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญในการลดไขมันหน้าท้องผู้ชายที่มักถูกมองข้าม การอดนอนหรือนอนไม่เพียงพอทำให้ฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว (เกรลินและเลปติน) เสียสมดุล ส่งผลให้รู้สึกหิวมากขึ้นและมีแนวโน้มจะรับประทานอาหารมากเกินความจำเป็น นอกจากนี้ การนอนไม่เพียงพอยังทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งกระตุ้นการสะสมไขมันหน้าท้อง
ผู้ใหญ่ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและรักษาสมดุลฮอร์โมน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการนอน เช่น ห้องที่มืดและเงียบ การงดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน หรือการรักษาเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้สม่ำเสมอ จะช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนและส่งเสริมการลดไขมันหน้าท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอเป็นส่วนสำคัญในการลดไขมันหน้าท้องผู้ชาย น้ำช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญอาหารและไขมัน กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร และช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง ลดการรับประทานอาหารเกินความจำเป็น บ่อยครั้งที่ร่างกายส่งสัญญาณหิวเมื่อจริง ๆ แล้วกำลังขาดน้ำ การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารจึงช่วยลดปริมาณการรับประทานอาหารได้
ผู้ชายควรดื่มน้ำประมาณ 2.5-3 ลิตรต่อวัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว แต่ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามน้ำหนักตัว ระดับกิจกรรม และสภาพอากาศ สังเกตสีของปัสสาวะเป็นตัวบ่งชี้การได้รับน้ำที่เพียงพอ ปัสสาวะควรมีสีเหลืองอ่อนใส การแทนที่เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและแคลอรีสูงด้วยน้ำเปล่า น้ำสมุนไพร หรือชาสมุนไพรที่ไม่มีน้ำตาล ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยในการลดไขมันหน้าท้อง
8. ลดการดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อการลดไขมันหน้าท้องผู้ชาย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีแคลอรีสูง (7 แคลอรีต่อกรัม) แต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่สำคัญ ร่างกายจะเผาผลาญแอลกอฮอล์ก่อนไขมันและคาร์โบไฮเดรต ทำให้การเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายชะลอตัวลง นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังส่งผลต่อการทำงานของตับซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการเผาผลาญไขมัน
การลดการดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดไขมันหน้าท้องผู้ชาย เริ่มจากการจำกัดปริมาณการดื่ม เช่น ดื่มไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน หรือลดวันที่ดื่มแอลกอฮอล์ลง เลือกเครื่องดื่มที่มีแคลอรีต่ำกว่า และดื่มน้ำเปล่าสลับกับแอลกอฮอล์เพื่อลดปริมาณการบริโภค ในระยะยาว การงดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์ลงอย่างมากจะช่วยให้การลดไขมันหน้าท้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น
9. ปรับสมดุลฮอร์โมน
ฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการสะสมและการเผาผลาญไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ชาย เมื่ออายุมากขึ้น ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจะลดลงตามธรรมชาติ ซึ่งส่งผลให้มีการสะสมไขมันหน้าท้องเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ฮอร์โมนอินซูลินที่มากเกินไปจากการบริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไปก็ส่งเสริมการสะสมไขมัน
การปรับสมดุลฮอร์โมนเพื่อลดไขมันหน้าท้องผู้ชายทำได้โดยการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิตเทสโทสเตอโรน การนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนได้อย่างเหมาะสม และการลดการบริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายเพื่อควบคุมระดับอินซูลิน การบริโภคอาหารที่มีไขมันดี เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ก็ช่วยในการผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมนและรับการรักษาที่เหมาะสม
10. ปรึกษาแพทย์ควบคู่ไปด้วย
แม้ว่าการลดไขมันหน้าท้องผู้ชายจะสามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านการปรับเปลี่ยนอาหารและการออกกำลังกาย แต่ในบางกรณี การปรึกษาแพทย์อาจช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีไขมันหน้าท้องในปริมาณมาก หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญ เช่น เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง
แพทย์หรือนักโภชนาการสามารถประเมินสภาวะร่างกายของคุณ และให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและเป้าหมายของคุณ ในบางกรณี การรักษาทางการแพทย์เช่น การตรวจวัดระดับฮอร์โมน การวัดองค์ประกอบของร่างกาย หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิดอาจจำเป็นเพื่อช่วยในการลดไขมันหน้าท้อง
ที่ S’RENE by SLC มีโปรแกรมการดูแลและลดน้ำหนักที่ครอบคลุมต่อความต้องการ ตั้งแต่การวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกาย Body Composition Analyzer ตรวจวัดมวลร่างกายด้วยเครื่อง Dexa Scan ที่แม่นยำสูง การวางแผนโภชนาการเฉพาะบุคคล และการดูแลติดตามผลโดยทีมแพทย์ เพื่อให้การลดไขมันหน้าท้องผู้ชายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ทำความเข้าใจไขมันหน้าท้อง
ไขมันหน้าท้องเป็นไขมันที่สะสมบริเวณช่องท้องและรอบเอว ซึ่งในผู้ชายมักมีแนวโน้มที่จะสะสมไขมันในบริเวณนี้มากกว่าผู้หญิง ด้วยลักษณะทางกายภาพและฮอร์โมนที่แตกต่างกัน การเข้าใจประเภทของไขมันหน้าท้องจะช่วยให้เราเลือกวิธีการลดไขมันหน้าท้องผู้ชายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ไขมันหน้าท้องแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ
- ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) – เป็นไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง สามารถจับหรือหยิบได้ด้วยมือ มักไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากนัก แต่ทำให้รูปร่างดูไม่สวยงาม ผู้ชายที่มีไขมันหน้าท้องประเภทนี้มากอาจรู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง การลดไขมันชนิดนี้ต้องอาศัยการควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) – เป็นไขมันที่สะสมอยู่ลึกลงไปในช่องท้อง ล้อมรอบอวัยวะภายใน เช่น ตับ และลำไส้ ไขมันชนิดนี้อันตรายกว่าเพราะเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้การลดไขมันหน้าท้องผู้ชายมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม ไม่ใช่แค่เรื่องของรูปร่างภายนอกเท่านั้น
ปัจจัยที่ทำให้เกิดไขมันหน้าท้อง
การเกิดไขมันหน้าท้องในผู้ชายไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ทำงานร่วมกัน ทำให้การวางแผนลดไขมันหน้าท้องผู้ชายต้องครอบคลุมหลายด้าน ดังนี้
- อาหาร – การบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวสูง เป็นสาเหตุหลักของการสะสมไขมันหน้าท้อง น้ำตาลที่มากเกินไปจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ชายที่มักสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากกว่าส่วนอื่น ๆ
- การออกกำลังกาย – การขาดการเคลื่อนไหวและออกกำลังกายทำให้การเผาผลาญพลังงานลดลง เมื่อพลังงานที่ได้รับมากกว่าพลังงานที่ใช้ ร่างกายจะเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในรูปของไขมัน ผู้ชายที่ใช้ชีวิตแบบนั่งนาน ๆ หรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจึงมีแนวโน้มที่จะมีไขมันหน้าท้องสะสมมากขึ้น
- ฮอร์โมน – ในผู้ชาย ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนช่วยควบคุมการสะสมไขมัน เมื่ออายุมากขึ้น ระดับฮอร์โมนนี้จะลดลง ทำให้ร่างกายมีแนวโน้มสะสมไขมันหน้าท้องได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ความไม่สมดุลของฮอร์โมนอินซูลินก็ส่งผลต่อการสะสมไขมันเช่นกัน
- ความเครียด – เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งกระตุ้นความอยากอาหารและการสะสมไขมัน โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง ผู้ชายที่มีความเครียดสูงและไม่มีวิธีจัดการความเครียดที่ดีจึงมีความเสี่ยงต่อการมีไขมันหน้าท้องมากขึ้น
สรุปเกี่ยวกับการลดไขมันหน้าท้องผู้ชาย
การลดไขมันหน้าท้องผู้ชายอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายด้านประกอบกัน ทั้งการปรับอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสม การพักผ่อนที่เพียงพอ และการจัดการความเครียด ไม่มีวิธีลัดหรือเคล็ดลับพิเศษที่จะช่วยกำจัดไขมันหน้าท้องได้อย่างรวดเร็ว แต่การทำตามวิธีการที่แนะนำข้างต้นอย่างสม่ำเสมอและอดทน จะช่วยให้คุณสามารถลดไขมันหน้าท้องได้อย่างยั่งยืน ส่งผลดีต่อทั้งรูปร่าง สุขภาพ และคุณภาพชีวิตโดยรวม
S’RENE by SLC พร้อมเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพและการดูแลน้ำหนัก ให้ทุกคนมีสุขภาพดีและความมั่นใจที่ยั่งยืน สามารถรับคำแนะนำด้านสุขภาพที่แม่นยำ และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันได้ที่ S’RENE by SLC สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่
▪️ สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
▪️ สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
▪️ สาขา สยาม – โทร 064 139 6390 และ 081-249-6392
สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่