ใครเคยเป็นบ้าง…แค่จะลุกนั่งหรือเดินขึ้นบันได ทำไมเหมือนร่างกายแกล้งกัน! ทุกย่างก้าวมีเสียง “กึก” ให้ชวนสงสัย นี่เข่าหรือเครื่องจักรที่ขาดน้ำมันกันแน่? ถ้ารู้สึกแบบนี้บ่อย ๆ ระวังไว้ให้ดีนะ เพราะนี่อาจไม่ใช่แค่อาการเมื่อยล้าทั่วไป แต่เป็นสัญญาณของ ข้อเข่าเสื่อม ปัญหาสุดกวนใจที่มาพร้อมกับความทรมานทุกการขยับ และที่สำคัญเป็นได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ต้องแก่ก็เสี่ยงเป็นได้
แม้จะฟังดูน่าหวาดเสียว แต่ไม่ต้องห่วงไป เพราะถ้าเราทำความเข้าใจ และสาเหตุ ปรับพฤติกรรม รวมถึงรู้วิธีการรักษา ก็แก้ไข และป้องกันได้ไม่ยาก ถ้าหากดูแลข้อเข่าให้แข็งแรง ไม่ว่าจะแอ็คทีฟแค่ไหนก็พร้อมลุยได้เต็มที่ จะเดินขึ้นบันไดเป็นร้อยขั้น หรือจะลุยกิจกรรมสนุก ๆ ก็ไม่ต้องหงุดหงิดกับความเจ็บปวด มาเรียนรู้วิธีรับมือและดูแลข้อเข่าไปด้วยกัน รับรองอ่านแล้วปัง ไม่พังแน่นอน!
ข้อเข่าเสื่อมคืออะไร? เข้าใจง่าย ไม่ต้องงง!
ข้อเข่าเสื่อม หรือ Osteoarthritis เป็นภาวะที่ข้อเข่าเริ่มสึกหรอและเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา สาเหตุมักมาจากการที่กระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่า ซึ่งมีหน้าที่เป็นกันชนลดแรงกระแทก เริ่มเสื่อมลง ทำให้กระดูกข้อต่อเสียดสีกันโดยตรง จนเกิดอาการเจ็บปวด ข้อฝืด หรือตึงขึ้นเวลาเคลื่อนไหว และยิ่งเกิดการเสียดสีขึ้นบ่อย ๆ ก็จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างปฏิกิริยาอักเสบ ทำให้เกิดอาการปวด บวม รู้สึกฝืด ขยับลำบากได้ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก หากปล่อยปะละเลยไม่รักษา
ทำไมถึงเป็นข้อเข่าเสื่อม?
สาเหตุหลักของข้อเข่าเสื่อมมักมาจากปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ข้อเข่าเสื่อมจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปัจจัยที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมมีมากมาย เช่น
- อายุที่มากขึ้น: กระดูกและข้อต่อเสื่อมไปตามธรรมชาติ โดยเฉพาะข้อเข่าเสื่อมจะเป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
- น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน: เข่าต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ กระตุ้นให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น
- การใช้งานหนักเกินไป: เช่น เล่นกีฬาหนัก หรือทำงานที่ต้องยืนนาน รวมถึงกิจกรรมที่ต้องขยับตัวแรง ๆ
- พันธุกรรม: ถ้าคนในครอบครัวเคยมีอาการข้อเสื่อม อาจเพิ่มความเสี่ยง
- อุบัติเหตุหรือบาดเจ็บที่ข้อเข่า: การบาดเจ็บจากการออกกำลังกายหรืออุบัติเหตุ ทำให้ข้อเสียหายและเสื่อมเร็วกว่าปกติ อย่างเช่น ข้อเข่าเคลื่อน กล้ามเนื้อฉีกขาด
- โรคบางชนิดที่ส่งผลต่อข้อต่อ: เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเกาต์
สัญญาณเตือนของข้อเข่าเสื่อม สังเกตให้ดี อย่าปล่อยให้เข่าพัง!
รู้หรือไม่? ข้อเข่าเสื่อมมักส่งสัญญาณเตือนมาก่อนแล้ว! ถ้าทุกคนสังเกตให้ไว รู้ทันอาการ เราสามารถป้องกันไม่ให้ข้อเสื่อมลุกลามได้ มาดูกันเลยว่าสัญญาณแบบไหนบ้างที่ต้องจับตา อย่าปล่อยผ่าน!
1. เจ็บเข่าตอนขยับ
- รู้สึกเจ็บหรือปวดบริเวณข้อเข่าเมื่อเดินขึ้น-ลงบันได นั่งนาน ๆ แล้วลุกขึ้น หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้เข่ามาก ๆ
- อาการปวดมักจะดีขึ้นเมื่อพัก แต่จะกลับมาอีกเมื่อใช้งานหนัก
2. ข้อเข่าฝืดในตอนเช้า
- รู้สึกว่าข้อเข่าฝืด ตึง ไม่ลื่นไหลในช่วงเช้าหลังตื่นนอน ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะขยับได้คล่อง
- อาการแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้หลังจากนั่งนาน ๆ หรือไม่ได้ขยับตัวนาน ๆ
3. มีเสียง ‘กึก กัก’ ในข้อเข่า
- เวลาเคลื่อนไหว เช่น ย่อตัว หรือเดิน จะได้ยินเสียงลั่นเหมือนกระดูกเสียดสีกัน
4. ข้อบวม ตึง เคลื่อนไหวยาก
- รู้สึกว่าข้อเข่าบวมขึ้น บางครั้งรู้สึกว่ามีของเหลวสะสมอยู่ในข้อ
- เข่าจะตึง ขยับลำบาก รู้สึกไม่สบายตัวเวลาเดินหรือยืน
5. ข้อเข่าอ่อนแรงหรือทรุด
- มีความรู้สึกเหมือนเข่าไม่มีแรง เหมือนจะทรุดเมื่อเดินหรือยืนนาน ๆ
- อาจต้องพักเป็นระยะเพราะข้อเข่ารับน้ำหนักได้น้อยลง
6. เข่าผิดรูป
- ในบางกรณี ข้อเข่าเสื่อมที่เป็นนาน ๆ อาจทำให้เข่าผิดรูปได้ เช่น เข่าโก่งหรือเข่าฉีก
ถ้ามีอาการเหล่านี้ อย่าปล่อยผ่าน!
ถ้าหากรู้สึกว่ามีอาการตามนี้ อย่ารอให้ข้อเสื่อมลุกลาม รีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็กและรักษาแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา การดูแลเข่าตั้งแต่วันนี้ช่วยให้ทุกคนเดิน วิ่ง ลุยได้แบบไม่สะดุด ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ตาม
ระยะของข้อเข่าเสื่อม แบ่งยังไงบ้าง?
ข้อเข่าเสื่อมไม่ได้เกิดขึ้นแบบปุบปับ แต่จะค่อย ๆ พัฒนาผ่านหลายระยะ เรามาดูกันว่าข้อเข่าเสื่อมแบ่งเป็นกี่ระยะ แต่ละระยะมีลักษณะอย่างไรบ้าง เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้ทันและจัดการก่อนข้อเข่าจะเสื่อมหนัก
ระยะที่ 1: ข้อเข่าเริ่มเสื่อม (Early Stage)
- ยังไม่มีอาการเจ็บปวดชัดเจน แต่เริ่มรู้สึกขัด ๆ ในข้อเข่า
- กระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าเริ่มเสื่อมลง แต่ยังไม่ทำให้ข้อติดหรือบวม
- อาการจะสังเกตได้ชัดเมื่อออกแรงหรือใช้งานเข่ามาก เช่น เดินนาน ๆ หรือขึ้นบันไดบ่อย
เคล็ดลับดูแล:
- เริ่มออกกำลังกายเบา ๆ เช่น ว่ายน้ำ หรือเดินช้า ๆ เพื่อลดแรงกระแทก
- ปรับน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม ลดภาระข้อเข่า
ระยะที่ 2: ข้อเข่าเริ่มมีอาการปวด (Mild Stage)
- เริ่มมีอาการปวดเมื่อใช้งานเข่าหนัก เช่น เดินนาน ยืนนาน หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้เข่ามาก
- ข้อเข่าอาจมีเสียง “กึก กัก” เวลาเคลื่อนไหว
- รู้สึกตึงหรือฝืดเมื่อไม่ได้ขยับนาน ๆ เช่น หลังตื่นนอน
เคล็ดลับดูแล:
- ควบคุมน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง และเน้นรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงข้อ
- อาจใช้แผ่นรองเข่าหรือที่รัดเข่าเพื่อลดแรงกระแทก
ระยะที่ 3: ข้อเข่าเสื่อมปานกลาง (Moderate Stage)
- เริ่มมีอาการปวดชัดเจนขึ้น แม้จะพักก็ยังรู้สึกเจ็บ
- ข้อเข่าอาจบวม หรือมีของเหลวสะสม ทำให้เคลื่อนไหวยากขึ้น
- การขยับข้อเริ่มติดขัด ต้องใช้เวลาในการยืดหรือเหยียดเข่า
เคล็ดลับดูแล:
- ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเรื่องการรักษา เช่น การทำกายภาพบำบัด หรือการฉีดยาลดการอักเสบ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงกระแทก เช่น วิ่ง หรือยกของหนัก
ระยะที่ 4: ข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรง (Severe Stage)
- อาการปวดรุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เดินหรือยืนได้นาน ๆ ไม่ได้
- ข้อเข่าอาจผิดรูป โก่ง หรือทรุด
- มีอาการอักเสบเรื้อรัง ขยับเข่าได้ลำบากมาก
เคล็ดลับดูแล:
- แพทย์อาจแนะนำให้รักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
- ควรมีการฟื้นฟูหลังการรักษา เช่น กายภาพบำบัด เพื่อช่วยให้เข่ากลับมาใช้งานได้ปกติ
ข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ หากเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณเตือนในระยะต้น ๆ รีบดูแลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที การรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยชะลอการเสื่อม และลดความเสี่ยงในการต้องผ่าตัดได้ อย่ารอให้ข้อเข่าเสื่อมจนทรมาน เพราะทุกคนมีสิทธิ์ใช้ชีวิตได้แบบเต็มที่
วิธีรักษา และป้องกันข้อเข่าเสื่อม ดูแลอย่างไรให้กลับมาเดินสบาย!
การรักษาข้อเข่าเสื่อมไม่จำเป็นต้องถึงขั้นผ่าตัดเสมอไป เพราะปัจจุบันมีหลายวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการ และชะลอการเสื่อมของข้อเข่าได้ มาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้ทุกคนกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะการเลือกใช้นวัตกรรมที่ทันสมัย จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวไปผ่าตัด และพักฟื้นนาน
1. การปรับพฤติกรรมและดูแลตัวเอง (Lifestyle Adjustment)
- ลดน้ำหนัก: น้ำหนักตัวที่เกินทำให้เข่าต้องรับภาระหนัก การลดน้ำหนักช่วยลดแรงกดที่ข้อเข่า
- หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนาน ๆ: ควรพักเป็นระยะเพื่อไม่ให้ข้อเข่าตึง
- ออกกำลังกายเบา ๆ: เช่น ว่ายน้ำ เดินช้า ๆ หรือโยคะ เพื่อลดแรงกระแทกและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ข้อ
- ใช้อุปกรณ์ช่วย: เลือกใส่รองเท้าที่ลดแรงกระแทก หรือใช้ที่รองเดิน ก็จะช่วยให้ลดความเสี่ยง หรือลดการกระตุ้นให้ข้อเข่าเสื่อมได้เร็วขึ้น
2. การกายภาพบำบัด (Physical Therapy)
- ยืดกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า: ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและลดแรงกดที่ข้อเข่า
- ฝึกการทรงตัว: ช่วยลดความเสี่ยงในการล้มและป้องกันข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น
- ใช้เครื่องช่วยลดแรงกระแทก: เช่น แผ่นรองเข่าหรือที่รัดเข่า
3. การใช้ยาและอาหารเสริม (Medication & Supplements)
- ยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบ: ใช้เมื่อมีอาการปวดมาก เช่น พาราเซตามอล หรือยาในกลุ่ม NSAIDs
- อาหารเสริมบำรุงข้อ: เช่น กลูโคซามีน (Glucosamine) หรือคอลลาเจน ช่วยบำรุงกระดูกอ่อน
4. การฉีดสารเข้าข้อเข่า (Injections)
-
- การฉีด Hyaluronic Acid: เพิ่มน้ำหล่อลื่นในข้อเข่า ลดการเสียดสี
- การฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma): ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดการอักเสบ
- การฉีดสเตียรอยด์ (Steroids): ลดอาการอักเสบในข้อเข่า (ใช้เฉพาะในกรณีจำเป็น)
- การฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cells): ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าด้วยเซลล์แห่งต้นกำเนิด พร้อมผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและยาวนาน
5. การรักษาด้วยคลื่นและแสง (Shockwave & Laser Therapy)
- Shockwave Therapy: กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อด้วยคลื่นเสียง ช่วยลดปวดและเพิ่มความยืดหยุ่น
- Laser Therapy: ใช้เลเซอร์ลดอาการอักเสบและช่วยฟื้นฟูข้อเข่า
6. การผ่าตัด (Surgery) สำหรับข้อเข่าเสื่อมรุนแรง
- การส่องกล้องข้อเข่า (Arthroscopy): แพทย์จะส่องกล้องเข้าไปทำความสะอาดภายในข้อเพื่อลดการเสียดสี
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า (Total Knee Replacement): เหมาะสำหรับผู้ที่ข้อเสื่อมขั้นรุนแรง การเปลี่ยนข้อใหม่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
การรักษาข้อเข่าเสื่อมมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การปรับพฤติกรรม การใช้ยา การกายภาพบำบัด ไปจนถึงการฉีดสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยฟื้นฟูข้อเข่าอย่างมีประสิทธิภาพ ใครที่อยากเลี่ยงการผ่าตัด การฉีดสเต็มเซลล์ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ดูแลสุขภาพข้อเข่า พร้อมรักษาและฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบที่ S’RENE by SLC
ถ้าหากคุณกำลังเผชิญอยู่กับปัญหา ข้อเข่าเสื่อม หรือต้องการป้องกันข้อเข่าให้แข็งแรงยาวนาน S’RENE by SLC มีคำตอบให้ เพราะเราเข้าใจดีว่าอาการปวดข้อเข่าอาจทำให้ชีวิตสะดุด และขัดขวางการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ที่นี่เรามีโปรแกรมฟื้นฟูข้อเข่าที่ทันสมัยและครอบคลุมทุกความต้องการ เพื่อให้ทุกคนกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ พร้อมสุขภาพเข่าที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็น
1. โปรแกรม Focus Shockwave Therapy
- รักษาด้วยคลื่นกระแทก เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- ช่วยลดอาการเจ็บปวด และเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อเข่า
- ช่วยสลายพังผืด เพิ่มการไหลเวียนโลหิต
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ราคา 4,000 บาท / ครั้ง (2,000 Shot)
2. โปรแกรม High Power Laser Therapy
- รักษาอาการเจ็บปวดแบบเฉียบพลันด้วยแสงเลเซอร์ที่เข้มข้น
- กระตุ้นการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนเลือด
- ลดบวม ลดการอักเสบ
- ราคา 1,500 บาท / ครั้ง
3. โปรแกรมการฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma)
- ฟื้นฟูข้อเข่าด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดของผู้เข้ารับบริการเอง
- ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- บรรเทาอาการปวด เพิ่มความยืดหยุ่นให้ข้อเข่า ช่วยให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
- ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
- ราคาพิเศษ 4,500 บาท / ครั้ง และ 12,500 บาท/ 3 ครั้ง
4. โปรแกรมการฉีดสเต็มเซลล์ (Autologous Stem Cell)
- นวัตกรรมที่ใช้สเต็มเซลล์ฟื้นฟูเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน ช่วยให้ข้อเข่ากลับมาแข็งแรงและลดอาการเสื่อม
- เจ็บน้อย หายไว ไม่ต้องผ่าตัด ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลี่ยงการผ่าตัด หรือผู้ที่อยู่ในระยะเริ่มต้น-ปานกลางของข้อเข่าเสื่อม
- 10 ล้านเซลล์ 2 ข้าง ราคา 150,000 บาท และ 20 ล้านเซลล์ 2 ข้าง ราคา 300,000 บาท
5. โปรแกรม INDIBA for OAD
- โปรแกรมการรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยคลื่นความถี่เฉพาะกับเครื่อง Indiba
- ทำโดยนักกายภาพบำบัดผู้ชำนาญ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและเสริมความแข็งแรงให้ข้อเข่า
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด
- ลดอาการอักเสบ ลดอาการปวดข้อเข่า
- สามารถทำเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟู และเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ก่อนการรักษาด้วยโปรแกรมการฉีดต่าง ๆ
- ราคา 2,500 บาท / ครั้ง
6. การให้คำปรึกษา และตรวจสภาพข้อเข่า
- หากต้องการรับคำปรึกษาก่อน แต่ยังไม่รักษา ก็จะมีค่าบริการแบ่งเป็น ปรึกษากับนักกายภาพ ราคา 500 บาท หรือรับคำปรึกษาพร้อมประเมินจากแพทย์ ราคา 1,500 บาท
ไม่ต้องทนเจ็บอีกต่อไป สุขภาพข่อเข่าดีได้อยู่ที่คุณเลือก!
ถ้าอยากกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ พร้อมสุขภาพข้อเข่าที่แข็งแรง S’RENE by SLC พร้อมดูแล! ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน ฟื้นฟู หรือรักษา เรามีโซลูชันให้ทุกคนได้เลือกตามความเหมาะสม อย่าปล่อยให้ข้อเข่าทำให้ชีวิตสะดุด มาเริ่มดูแลข้อเข่ากันตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่คล่องตัวและพร้อมลุยในทุกกิจกรรม!
สุขภาพดี ไม่ต้องเหมือนใคร เพราะที่ S’RENE by SLC เราเข้าใจทุกความต้องการของข้อเข่าทุกคน ใครที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่
สาขา ทองหล่อ – โทร 064 184 5237
สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 083 996 6959
สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Osteoarthritis of the Knee. Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21750-osteoarthritis-knee
Osteoarthritis of the Knee. Versus Arthritis. https://versusarthritis.org/about-arthritis/conditions/osteoarthritis-of-the-knee/
สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่