จากการค้นพบสู่ความหวังของมนุษย์ เมื่อล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ 3 ท่านผู้พิชิต รางวัลโนเบล ปี 2025 ในสาขาการแพทย์ ได้ทราบผู้เข้ารับรางวัลมาหมาดหมาดจากการค้นพบเซลล์ภูมิคุ้มกัน (Reguratory T Cells: Treg) “เซลล์บำบัด” ที่กำลังจะกลายมาเป็นยารักษาโรคแห่งศตวรรษ คำถามที่หลายคนอาจสงสัยว่าเจ้า “Treg” คืออะไร? ทำไมถึงมีความสำคัญต่อมนุษย์ขนาดนั้น บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจและเกล็ดความรู้เล็ก ๆ เพื่อพัฒนาสุขภาพดีที่ยั่งยื่นกันค่ะ
เส้นทางการค้นพบกลไกสู่มุมมองใหม่ของ “โลกภูมิคุ้มกัน”
ร่างกายมนุษย์มีระบบภูมิคุ้มกันที่ซับซ้อน เปรียบเสมือนตาชั่งอัจฉริยะที่ต้องรักษาสมดุลอยู่เสมอ หากระบบทำงานเกินไปก็อาจโจมตีตัวเอง แต่หากทำงานน้อยไปก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือโรคร้ายแรง

ย้อนกลับไปในช่วงปี 1980 ศาสตราจารย์ Shimon Sakaguchi จากมหาวิทยาลัยโอซาก้า สนใจโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) หรือโรคพุ่มพวงที่หลายคนอาจจะรู้จัก และสงสัยว่าต่อมไทมัสมีบทบาทสำคัญในการเกิดโรค เขาจึงทดลองตัดต่อมไทมัสของหนูที่เป็น SLE ผลลัพธ์กลับน่าประหลาด ‘หนูยังมีอาการรุนแรงเหมือนเดิม’ แต่เมื่อนำ เซลล์ภูมิคุ้มกันโตเต็มที่จากหนูสุขภาพดี ไปฉีดอาการของหนูที่มีภาวะโรคแพ้ภูมิตัวเองกลับสงบลงทันที นี่คือสัญญาณแรกที่บอกว่ามีกลไกควบคุมภูมิคุ้มกันที่ อยู่นอกเหนืออวัยวะส่วนกลาง และไม่ได้ขึ้นอยู่กับต่อมไทมัสเพียงอย่างเดียว ต่อมา นักวิทยาศาสตร์อย่าง Mary Brunkow และ Fred Ramsdell ได้ค้นพบยีนสำคัญชื่อ FOXP3 ซึ่งควบคุมการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดพิเศษที่ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน
แต่เซลล์นี้คืออะไร? ทำไมการค้นพบของมันถึงสำคัญมากจนเป็นผู้พิชิต รางวัลโนเบล? เซลล์เล็ก ๆ เหล่านี้ทำงานอย่างไรในการป้องกันร่างกายไม่ให้โจมตีตัวเอง และบทบาทของมันมีมากกว่าที่เราเคยคิด ทั้งในโรคภูมิต้านตัวเอง โรคภูมิแพ้ และแม้แต่โรคมะเร็ง คำตอบของเรื่องราวที่น่าทึ่งนี้ อยู่ในหัวข้อถัดไป…
Treg คืออะไร ทำไมจึงสำคัญถึงขั้นได้รับ รางวัลโนเบล?
ลองจินตนาการถึง “กองทัพภูมิคุ้มกัน” ของร่างกายที่ออกศึกทุกวันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีทั้งหน่วยลับ หน่วยจู่โจม และหน่วยข่าวกรอง แต่นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้ค้นพบหน่วยพิเศษอีกหนึ่งทีมที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน นั้นคือหน่วย “ตำรวจภูมิคุ้มกัน” ที่คอยห้ามไม่ให้ทหารคลั่งยิงกันเอง หน่วยนี้มีชื่อว่า Regulatory T cell หรือที่นักวิทยาศาสตร์เรียกสั้น ๆ ว่า Treg ก่อนการค้นพบนี้โลกของ “ภูมิคุ้มกัน” ดูว่าเราเหมือนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เรารู้จัก T helper cell (สายสั่งการ) และ Cytotoxic T cell (สายนักฆ่า) แต่ไม่มีใครรู้ว่าในกองทัพนี้มี “คนกลาง” ที่คอยรักษาความสงบอยู่ด้วย จนกระทั่ง ศาตราจารย์ Sakaguchi พบว่าในบรรดาเซลล์ T ที่มีโปรตีน CD4 อยู่บนผิว บางกลุ่มมีโปรตีน CD25 เพิ่มขึ้นมา และไม่ทำหน้าที่สั่งรบเหมือนใคร กลับปล่อยสาร IL-10 และ TGF-β เพื่อลดการอักเสบและยับยั้งพวกเดียวกันไม่ให้ทำร้ายเนื้อเยื่อตัวเอง การค้นพบนี้พลิกหน้าประวัติศาสตร์ภูมิคุ้มกันวิทยาไปเลย เพราะมันคือคำตอบของคำถามที่นักวิทยาศาสตร์สงสัยมานาน ทำไมร่างกายมนุษย์ส่วนใหญ่จึงไม่ทำร้ายตัวเองทั้งที่มีอาวุธอย่างเซลล์เม็ดเลือดขาวพร้อมอยู่ตลอดเวลา
ผู้คุมสมดุลแห่งตาชั่งชีวิต
ระบบภูมิคุ้มกันของเราเปรียบเหมือน “ตาชั่งแห่งชีวิต” ที่ต้องรักษาสมดุลตลอดเวลา หากเอนเอียงไปทาง “ทำงานมากเกินไป” ก็จะเกิดโรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง เช่น SLE หรือ รูมาตอยด์ แต่ถ้าทำงานน้อยเกินไป ก็เปิดทางให้มะเร็งและเชื้อโรคเติบโตได้ง่าย ตรงนี้เองที่ Treg เข้ามามีบทบาทสำคัญพวกมันคือ “เซลล์ผู้รักษาสมดุล” ที่คอยกดเบรกให้ระบบภูมิคุ้มกันสงบลงหลังศึกจากเซลล์เม็ดเลือดขาวกำจัดสิ่งแปลกปลอมจบสิ้นลง ช่วยให้ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะฟื้นฟูและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเกินจำเป็น
ประโยชน์ของ Treg ในเชิงการแพทย์
ปัจจุบันงานวิจัยเกี่ยวกับ Treg กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วแนวทางหนึ่งคือ การเพิ่มกำลัง Treg (Boosting) เพื่อรักษาโรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง เช่น SLE, เบาหวานชนิดที่ 1, หรือ ภูมิแพ้รุนแรง โดยใช้เทคนิค “เซลล์บำบัด” หรือ Cell Therapy เก็บ Treg ของผู้ป่วยไปเพาะขยายในห้องปฏิบัติการให้มีจำนวนมากขึ้น แล้วนำกลับเข้าสู่ร่างกายเหมือน “เติมตำรวจเข้าเมือง” เพื่อยุติสงครามกลางเมืองของภูมิคุ้มกัน
อีกด้านหนึ่งคือกลยุทธ์ “ลดกำลัง Treg (Depleting)” สำหรับการรักษามะเร็ง เพราะเซลล์มะเร็งฉลาดพอที่จะเรียก Treg มาปกป้องตัวเองราวกับใช้ “ตำรวจเป็นเกราะกำบัง” ดังนั้นนักวิจัยจึงหาวิธีทำให้ Treg รอบก้อนมะเร็งลดจำนวนลง เพื่อเปิดทางให้เซลล์นักฆ่าของภูมิคุ้มกันเข้าโจมตีได้เต็มที่ เทคโนโลยีที่น่าจับตาที่สุดคือ CAR-Treg ซึ่งใช้หลักการเดียวกับ CAR-T ที่รักษามะเร็ง แต่ปรับให้เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษสำหรับ “การรักษาความสงบ” เราสามารถออกแบบให้ CAR-Treg รู้จักเป้าหมายเฉพาะ เช่น เซลล์ของไตที่ปลูกถ่ายใหม่ แล้วส่งไปทำหน้าที่ป้องกันการปฏิเสธอวัยวะได้อย่างแม่นยำถือเป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ที่ผลข้างเคียงต่ำและประสิทธิภาพสูง
ทั้งนี้ ถ้าอยากเพิ่มความสมดุลของภูมิคุ้มหรือการสร้าง Treg เรื่องของการนอนที่มีประสิทธิภาพจำเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่า Treg มักจะสูญพันธ์กับคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน

สาเหตุที่ทำให้ Treg ทำงานได้ผิดปกติ
แม้ Tregs จะเป็นผู้ควบคุมสมดุลระบบภูมิคุ้มกันที่ทรงพลัง แต่หลายปัจจัยสามารถทำให้เซลล์เหล่านี้ทำงานผิดปกติหรือไม่เพียงพอ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันโจมตีเนื้อเยื่อตัวเอง หรือไม่สามารถควบคุมการอักเสบได้ดี
- โรคภูมิคุ้มกันตัวเอง (Autoimmune Diseases) โรคอย่าง SLE, โรครูมาตอยด์ หรือเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากการที่ Tregs ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเข้าใจผิดว่าเซลล์ปกติของร่างกายเป็นสิ่งแปลกปลอม และเริ่มโจมตีตัวเอง
- การติดเชื้อและการอักเสบเรื้อรัง การติดเชื้อรุนแรงหรือการอักเสบเรื้อรังสามารถลดจำนวนหรือประสิทธิภาพของ Tregs ทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันอื่น ๆ คลุ้มคลั่งและสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ
- พันธุกรรมและการกลายพันธุ์ ยีน FOXP3 เป็นตัวกำหนดการทำงานของ Tregs การกลายพันธุ์หรือความผิดปกติของยีนนี้สามารถทำให้เกิดโรค IPEX ซึ่งเป็นโรคภูมิคุ้มกันโจมตีหลายอวัยวะตั้งแต่กำเนิด
- อายุและความเสื่อมของร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้น จำนวนและประสิทธิภาพของ Tregs มักลดลง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันควบคุมตัวเองได้ยากขึ้น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อโรคภูมิคุ้มกันและการอักเสบเรื้อรัง
- โรคอ้วนและเมตาบอลิซึมผิดปกติ โรคอ้วนไม่ใช่เพียงเรื่องน้ำหนักเกิน แต่ยังเกี่ยวข้องกับการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย การสะสมไขมันส่วนเกินสามารถลดจำนวน Tregs ในเนื้อเยื่อไขมันและทำให้เกิด chronic low-grade inflammation ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองเกินจำเป็นและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ
- ปัจจัยแวดล้อมและวิถีชีวิต การนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียดเรื้อรัง หรือพฤติกรรมการกินที่ไม่สมดุล สามารถลดประสิทธิภาพของ Tregs และทำให้เกิดความไม่สมดุลของภูมิคุ้มกัน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ Treg ทำงานผิดปกติ
Tregs หรือเซลล์ภูมิคุ้มกันควบคุม เป็นผู้รักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน แต่หลายปัจจัยทั้งจากร่างกายและสิ่งแวดล้อมสามารถทำให้เซลล์เหล่านี้ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันทำงานเกินหรือขาดสมดุล
- ปัจจัยจากสุขภาพ
- โรคอ้วน: การสะสมไขมันส่วนเกินในร่างกายทำให้เกิดการอักเสบระดับต่ำเรื้อรัง (chronic low-grade inflammation) ซึ่งลดจำนวนและประสิทธิภาพของ Tregs ในเนื้อเยื่อ ทำให้ภูมิคุ้มกันควบคุมตัวเองได้ยากขึ้น
- โรคเรื้อรังและการอักเสบ: เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ หรือโรคตับเรื้อรัง การอักเสบเรื้อรังสามารถรบกวนการทำงานของ Tregs และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคภูมิคุ้มกันตัวเอง
- อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น จำนวน Tregs ลดลง และความสามารถในการยับยั้งการตอบสนองภูมิคุ้มกันของเซลล์เหล่านี้ก็ลดลง ทำให้ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อการอักเสบและโรคภูมิคุ้มกันมากขึ้น
- ปัจจัยจากพฤติกรรม
- การนอนหลับไม่เพียงพอ: การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้สมดุลภูมิคุ้มกันถูกรบกวน และจำนวน Tregs ลดลง
- ความเครียดเรื้อรัง: ฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล สามารถลดประสิทธิภาพของ Tregs ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานเกินความจำเป็น
- อาหารและโภชนาการไม่สมดุล: การบริโภคอาหารขยะ น้ำตาลสูง หรือไขมันทรานส์มากเกินไป มีผลต่อการอักเสบและลดความสามารถของ Tregs ในการควบคุมภูมิคุ้มกัน
- ปัจจัยจากพันธุกรรมและการกลายพันธุ์
- ความผิดปกติของยีน FOXP3: ยีนนี้เป็นตัวกำหนดการทำงานของ Tregs การกลายพันธุ์สามารถทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันหลายระบบ เช่น IPEX syndrome
- พันธุกรรมอื่น ๆ: การมีพื้นฐานทางพันธุกรรมบางชนิดสามารถเพิ่มความไวต่อการลดประสิทธิภาพของ Tregs และเพิ่มความเสี่ยงโรคภูมิคุ้มกันตัวเอง
- ปัจจัยแวดล้อม
- สารเคมีและมลพิษ: การสัมผัสสารพิษหรือมลพิษทางอากาศบางชนิด อาจรบกวนการทำงานของ Tregs
- การติดเชื้อรุนแรงหรือการอักเสบเฉียบพลัน: การตอบสนองภูมิคุ้มกันอย่างรุนแรงอาจทำให้ Tregs ไม่สามารถควบคุมสมดุลได้ทันเวลา
แล้วเราสามารถเพิ่ม Treg ได้ไหม? มีวิธีไหนบ้าง?
Tregs เป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่รักษาสมดุลของร่างกาย ป้องกันระบบภูมิคุ้มกันไม่โจมตีเนื้อเยื่อตัวเอง การเพิ่มจำนวนหรือประสิทธิภาพของ Tregs จึงช่วยลดโรคภูมิคุ้มกันตัวเอง การอักเสบเรื้อรัง และสนับสนุนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Tregs มีทั้งจากสุขภาพและพฤติกรรม ได้แก่ การควบคุมน้ำหนักและโรคอ้วน การรักษาโรคเรื้อรัง การนอนหลับให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การกินอาหารต้านอักเสบ และการลดความเครียด สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ Tregs ทำงานเต็มศักยภาพ ในทางการแพทย์ ยังมีแนวทาง Cell Therapy ที่เก็บ Tregs ของผู้ป่วยมาขยายพันธุ์ในห้องปฏิบัติการแล้วฉีดกลับ เพื่อเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพ รวมถึง CAR-Tregs ที่ปรับแต่งให้ Tregs ปกป้องเนื้อเยื่อเฉพาะจุดอย่างแม่นยำ ทำให้ควบคุมภูมิคุ้มกันได้อย่างตรงจุด
สรุปคือ การดูแลสุขภาพประจำวันร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ Tregs ป้องกันโรคภูมิคุ้มกัน และรักษาสมดุลภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงได้

สรุปว่าควรตรวจเช็คสุขภาพทุก ๆ ปี เพื่อให้เราได้ใช้ความสุขกับคนที่รักเรานานขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเกล็ดความรู้ที่แอดนำมาฝาก? ในวงการแพทย์เรื่องนี้กำลังเป็นกระแส และสิ่งที่เห็นชัดคือ สุขภาพดีมักเริ่มจากตัวเราเอง พฤติกรรมประจำวันส่งผลต่อร่างกายเสมอ นั่นหมายความว่า…ถ้าเราดูแลตัวเองอย่างดี เราก็สามารถมีชีวิตที่ดี ใช้ความสุขกับคนที่รักได้นานขึ้น สำหรับใครที่อยากดูแลสุขภาพ ตรวจเช็กสุขภาพ หรือ ตรวจฮอร์โมน รวมถึงมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ เครียดจากงาน (burnout) หรือจัดการน้ำหนักและไขมันยาก สามารถเข้ามาปรึกษา S’RENE by SLC เพื่อรับแนวทางปรับสุขภาพให้ดีขึ้นอย่างตรงจุด
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่:
สาขาทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
สาขาชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
LINE: @SRENEbySLC หรือคลิก https://bit.ly/3IlXtvw
อ้างอิง
ขอขอบคุณแหล่งข่าว
- https://www.facebook.com/morlorkorlao/posts/pfbid0MZLxrxb7T9i1RtrY8W76xubcjZNcFQPKUkC5Rnjo5MpwApoPNuTRhFhErs8T49wol
- https://www.facebook.com/share/v/16NZC8Ky2t/
- https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02fmjTpubpJPCaqRjems7MwkjzkS6fVd4z4pqFzJnEHznU53q6iq7RhW7J7hHpMbDbl&id=61557899128035
- https://www.facebook.com/watch/?v=1124772222961091
- https://www.facebook.com/share/p/1ByfxURmVX/
- https://www.facebook.com/share/17DzBavGCX/?mibextid=wwXIfr

English
中文 (中国)



สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่