เรื่องน่ารู้

Blogs

ค่าไต eGFR คืออะไร ทุกเรื่องที่ต้องรู้เพื่อสุขภาพไตของคุณ

ไตเป็นเหมือนเครื่องกรองของร่างกาย ทำหน้าที่ขจัดของเสียและสารตกค้างต่าง ๆ ออกจากเลือดเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย แต่เมื่อไตทำงานลดลงหรือมีปัญหา เราอาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งมีอาการที่ชัดเจนออกมา การตรวจค่าไตจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเฝ้าระวังและประเมินสุขภาพไต การตรวจที่แพทย์ใช้ประเมินสมรรถภาพของไตคือการตรวจค่าไต BUN (Blood Urea Nitrogen) และ Creatinine ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงระดับของเสียในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ค่าที่มีความสำคัญและใช้ประเมินสุขภาพไตเป็นหลักคือค่าไต eGFR (Estimated Glomerular Filtration Rate) ค่าไตนี้ช่วยให้เราทราบถึงความสามารถในการกรองของไตว่าทำงานได้ดีเพียงใด การตรวจค่า eGFR คือเครื่องมือสำคัญในการวินิจฉัยและเฝ้าระวังภาวะไตเสื่อม ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการดูแลสุขภาพไตได้อย่างเหมาะสม และป้องกันการเสื่อมของไตในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การตรวจสมรรถภาพของไตอย่างต่อเนื่องและเข้าใจค่าต่าง ๆ อย่าง eGFR, BUN และ Creatinine จึงเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพไตให้แข็งแรงและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การตรวจสอบสมรรถภาพของไต เคล็ดลับการดูแลไตให้แข็งแรง

การตรวจสอบสมรรถภาพโดยการตรวจค่าไตเป็นการประเมินการทำงานของไตในการกรองของเสียและสารตกค้างออกจากเลือด เพื่อรักษาสมดุลของสารต่าง ๆ ในร่างกายอย่างเหมาะสม เพราะไตมีหน้าที่สำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการขจัดของเสีย การควบคุมความดันโลหิต การผลิตฮอร์โมน รวมถึงการรักษาความสมดุลของเกลือแร่ต่าง ๆ หากไตทำงานผิดปกติ อาจส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายอย่างชัดเจน

โดยการตรวจสอบสมรรถภาพของไตจะเป็นการตรวจค่าประมาณการกรองของเสียออกจากเลือดหรือค่าไต eGFR ค่าที่ช่วยประเมินความสามารถของไตในการกรองของเสียจากเลือด นอกจากนี้ยังมีการตรวจวัดระดับ Creatinine ในเลือด การตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารตกค้าง หรือการตรวจค่าไต BUN (Blood Urea Nitrogen) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของไตโดยรวม การตรวจสมรรถภาพของไตจึงช่วยให้ทราบถึงสุขภาพของไตได้อย่างครอบคลุม และสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพหรือเฝ้าระวังปัญหาไตได้ในระยะยาว

การตรวจไตเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะไตเสื่อม เช่น ผู้ที่มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคไต การตรวจสมรรถภาพของไตมีความสำคัญในการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพไตให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

ทำไมเราจึงต้องประเมินสมรรถภาพของไต คำถามที่สำคัญเพื่อสุขภาพที่ยืนยาว

การตรวจค่าไตมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพโดยรวม เนื่องจากไตมีหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย รวมถึงควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ อย่างฮอร์โมนและความดันโลหิต หากไตทำงานผิดปกติ ร่างกายอาจมีปัญหาสุขภาพตามมาโดยไม่ทันรู้ตัว

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ต้องตรวจค่าไตอย่างค่า ไต eGFR คือเพื่อป้องกันโรคไตเรื้อรังซึ่งมักจะไม่แสดงอาการในช่วงแรก การตรวจสมรรถภาพของไตช่วยให้สามารถเฝ้าระวังและป้องกันความเสื่อมของไตได้ก่อนที่จะลุกลาม นอกจากนี้ การตรวจยังช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจและภาวะไตวาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง การตรวจสมรรถภาพของไตเป็นประจำจะช่วยให้สามารถปรับแผนการดูแลสุขภาพได้ตรงจุดมากขึ้น การรู้สถานะของไตทำให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการดูแลตัวเองให้เหมาะสมมากขึ้น การตรวจไตจึงเป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยดูแลสุขภาพระยะยาวอย่างครบวงจร

ใครบ้างที่ควรประเมินสมรรถภาพของไต? เช็กลิสต์คนเสี่ยงโรคไต

การตรวจสมรรถภาพของไตเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะไตมีบทบาทสำคัญในการกรองของเสียและควบคุมสมดุลในร่างกาย แต่ในบางคนมีความเสี่ยงเป็นโรคไตมากกว่าบุคคลทั่วไป ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเหล่านี้ควรมีการเฝ้าระวังและตรวจการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอ

  • ผู้ที่มีโรคเบาหวาน เบาหวานส่งผลต่อการทำงานของไตในระยะยาว หากปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคไตเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดในไตเสื่อมลง ซึ่งจะลดประสิทธิภาพในการกรองของเสียและน้ำส่วนเกิน
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต หากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคไต โอกาสในการเกิดโรคไตอาจเพิ่มขึ้น
  • ผู้สูงอายุ การทำงานของไตจะลดลงตามอายุ การตรวจสมรรถภาพของไตช่วยให้ทราบสถานะของไตและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีประวัติการใช้ยาเป็นเวลานาน การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดหรือยาขับปัสสาวะ อาจมีผลกระทบต่อไต
  • ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มีผลกระทบต่อหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมถึงไต การตรวจสมรรถภาพของไตช่วยประเมินความเสี่ยงและดูแลสุขภาพได้อย่างตรงจุด

วิธีการตรวจค่าไตทำอย่างไร?

การตรวจค่าไตสามารถทำได้โดยใช้การตรวจวัดค่าต่าง ๆ จากเลือดและปัสสาวะ ซึ่งสามารถชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการกรองของเสียและสารตกค้างในร่างกายได้อย่างชัดเจน การตรวจเหล่านี้จึงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวางแผนการดูแลสุขภาพไตอย่างตรงจุด

การตรวจการทำงานของไตด้วยปัสสาวะ

การตรวจปัสสาวะช่วยให้ทราบถึงสภาวะการทำงานของไตผ่านการตรวจสอบองค์ประกอบในปัสสาวะ เช่น โปรตีน หรือสารที่ไม่ควรพบในปัสสาวะ หากพบโปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria) อาจเป็นสัญญาณของภาวะไตเสื่อมหรือการทำงานของไตที่ผิดปกติ

การตรวจการทำงานของไตด้วยเลือด

การตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของไตจะเน้นการวัดค่าไตที่สำคัญ เช่น:

  • Serum Creatinine: เป็นค่าที่ใช้วัดระดับของเสียในเลือด ค่านี้สามารถใช้คำนวณค่าไต eGFR (Estimated Glomerular Filtration Rate) ซึ่งช่วยประเมินสมรรถภาพการกรองของไตได้
  • BUN (Blood Urea Nitrogen): แสดงถึงระดับของเสียจากกระบวนการเมแทบอลิซึมของโปรตีนในร่างกาย หากค่า BUN สูง อาจแสดงถึงการทำงานของไตที่ลดลง

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับทำการตรวจค่าไต เตรียมอย่างไรให้ค่าไตแม่นยำ

เพื่อให้ได้ผลตรวจที่แม่นยำและสะท้อนสภาพการทำงานของไตได้อย่างแท้จริง การเตรียมตัวให้เหมาะสมก่อนเข้ารับการตรวจค่าไตมีความสำคัญอย่างมาก โดยการตรวจค่าไตอาจรวมถึงการตรวจเลือดเพื่อประเมินค่า eGFR, BUN และ Serum Creatinine

  1. งดอาหารและเครื่องดื่มบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์
    • สำหรับการตรวจค่าไตอาจจำเป็นต้องงดอาหารหรืองดเครื่องดื่มบางชนิดก่อนตรวจประมาณ 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำที่สุด
    • ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปรตีนสูงก่อนการตรวจ เนื่องจากอาจส่งผลต่อค่าของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย
  2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนตรวจ
    • การออกกำลังกายหนักอาจส่งผลต่อระดับค่าไต Creatinine และอาจทำให้ค่าที่ได้คลาดเคลื่อน ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
  3. งดยาและอาหารเสริมบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์
    • หากกำลังรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่อาจมีผลกระทบต่อไตหรือค่าไต ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำว่าอาจต้องหยุดยาชั่วคราวหรือไม่
  4. แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพ
    • ควรแจ้งประวัติสุขภาพ เช่น การมีโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยา หรือประวัติโรคที่เกี่ยวข้องกับไตในครอบครัว เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยผลตรวจได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
  5. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
    • การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อาจส่งผลต่อค่าไตได้ ควรงดกิจกรรมเหล่านี้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการตรวจหรือตามคำแนะนำของแพทย์

เจาะลึกการตรวจค่าไต eGFR ค่าที่บอกสุขภาพไตคุณ

 

ค่า Estimated Glomerular Filtration Rate หรือ ค่าไต eGFR คือ ค่าที่ใช้ในการประเมินสมรรถภาพของไตในการกรองของเสียออกจากเลือด ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถติดตามการทำงานของไตได้อย่างใกล้ชิด โดยค่านี้แสดงให้เห็นถึงระดับการทำงานของไตในหนึ่งนาที (หน่วยมิลลิลิตร/นาที/1.73 ตารางเมตร) ซึ่งใช้เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการวินิจฉัยและเฝ้าระวังภาวะไตเสื่อมหรือโรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD)

วิธีการตรวจค่า eGFR

ค่าไต eGFR เป็นค่าการประมาณการกรองของเสียออกจากเลือด เนื่องจากค่า GFR หรือค่าอัตราการกรองของไตภายใน 1 นาที การวัดค่าโดยตรงนั้นทำได้ยาก จึงมีการประมาณค่าการกรองโดยใช้สูตร CKD-EPI คือการประมาณค่าโดยใช้ตรวจวัดระดับ Creatinine ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญกล้ามเนื้อ ร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ เพศ และเชื้อชาติ เพื่อให้ได้ค่าประเมินที่แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งหากพบค่า eGFR ต่ำ คือ การบ่งบอกว่าไตเริ่มทำงานลดลง อาจต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ค่ามาตรฐานของค่า eGFR

ระยะที่ 1: ค่า eGFR > 90 (ปกติ)

ค่า eGFR ปกติ คือมากกว่า 90 มิลลิลิตร/นาที/1.73 ตารางเมตร ซึ่งแสดงถึงสมรรถภาพของไตยังคงทำงานได้ปกติ

ระยะที่ 2: ค่า eGFR 60-89 (ลดลงเล็กน้อย)

การทำงานของไตเริ่มลดลงเล็กน้อย แม้ส่วนใหญ่ยังทำงานได้ใกล้เคียงปกติ ควรตรวจติดตามและปรับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันการเสื่อมเพิ่มเติม

ระยะที่ 3: ค่า eGFR 30-59 (ลดลงปานกลาง)

สมรรถภาพของไตลดลงปานกลาง การเฝ้าระวังและการดูแลสุขภาพอย่างเข้มงวดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันภาวะไตเสื่อมในระยะถัดไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสม

ระยะที่ 4: ค่า eGFR 15-29 (ลดลงมาก)

การทำงานของไตลดลงอย่างมาก อาจมีสัญญาณของภาวะไตเสื่อมขั้นรุนแรง การรักษาและการเฝ้าระวังควรเป็นไปอย่างใกล้ชิดภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ระยะที่ 5: ค่า eGFR < 15 (ไตวายระยะสุดท้าย)

เป็นภาวะที่ไตสูญเสียสมรรถภาพในการกรองของเสียจนเกือบทั้งหมด จำเป็นต้องรับการรักษาอย่างจริงจัง เช่น การฟอกไต หรือการปลูกถ่ายไตเพื่อทดแทนการทำงานของไตที่สูญเสียไป

การตรวจค่าไต BUN (Blood Urea Nitrogen)

การตรวจค่า BUN (Blood Urea Nitrogen) เป็นการตรวจวัดระดับไนโตรเจนในเลือดจากของเสียที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย โดยค่า BUN จะสะท้อนถึงประสิทธิภาพการทำงานของไตในการขจัดของเสียเหล่านี้ออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ หากไตทำงานผิดปกติ ระดับของ BUN ในเลือดอาจสูงขึ้น ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับการทำงานของไต

การตรวจค่าไต BUN (Blood Urea Nitrogen) จะเป็นการเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดบริเวณแขนเพื่อนำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ และมักทำควบคู่กับการตรวจค่า Creatinine เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมในการประเมินการทำงานของไตอย่างละเอียด

ค่ามาตรฐานของค่า BUN

  • ค่า BUN โดยทั่วไปอยู่ในช่วง 7-20 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แต่ค่าอาจแตกต่างได้ตามปัจจัยส่วนบุคคล เช่น อายุ เพศ และสภาวะสุขภาพอื่น ๆ
  • ค่า BUN ที่สูงเกินปกติ อาจบ่งบอกถึงภาวะไตเสื่อม การขาดน้ำ หรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของไตหรือหัวใจ
  • ค่า BUN ที่ต่ำเกินไป อาจเกี่ยวข้องกับภาวะตับทำงานผิดปกติ หรือการบริโภคโปรตีนที่ไม่เพียงพอ

การตรวจค่า BUN เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบสุขภาพของไต โดยเมื่อทำร่วมกับการตรวจค่าต่าง ๆ เช่น ค่าไต eGFR และค่า Creatinine จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและวางแผนการดูแลสุขภาพของไตได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

การตรวจค่าไต Serum Creatinine

การตรวจค่า Serum Creatinine เป็นการประเมินระดับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญกล้ามเนื้อในเลือด โดยไตทำหน้าที่กรองและขจัดของเสียเหล่านี้ออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ หากระดับของ Serum Creatinine สูงขึ้น อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการทำงานของไตที่ลดลงหรือมีภาวะผิดปกติของไต

วิธีการตรวจค่า Creatinine
การตรวจนี้เป็นการเจาะเลือดจากหลอดเลือดบริเวณแขนเพื่อนำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ การตรวจ Creatinine มักตรวจร่วมกับค่าไตอื่น ๆ เช่น eGFR และ BUN เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินสมรรถภาพของไตได้อย่างครบถ้วน การตรวจเพียงค่า Serum Creatinine ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือเครื่องดื่มก่อนเข้ารับการตรวจในกรณีทั่วไป แต่ควรลดอาหารประเภทเนื้อแดง 2-3 วันก่อนเข้ารับการตรวจ เพื่อให้ผลการตรวจมีความแม่นยำมากที่สุด

ค่ามาตรฐานของค่า Serum Creatinine

  • ค่าปกติในผู้ชาย: อยู่ในช่วง 0.7 – 1.3 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ค่าปกติในผู้หญิง: อยู่ในช่วง 0.6 – 1.1 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

ระดับค่ามาตรฐานของ Creatinine อาจแตกต่างกันไปตามอายุ เพศ มวลกล้ามเนื้อ และปัจจัยอื่น ๆ

  • หากค่า Creatinine สูงกว่าเกณฑ์ อาจบ่งบอกถึงภาวะไตเสื่อม การทำงานของไตลดลง หรืออาจเกิดจากการดื่มน้ำน้อยเกินไป การใช้ยาบางชนิด หรือการมีมวลกล้ามเนื้อมาก
  • หากค่า Creatinine ต่ำกว่าเกณฑ์ อาจหมายถึงการลดลงของมวลกล้ามเนื้อ เช่น ในผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อลีบ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะโภชนาการไม่ดี นอกจากนี้ อาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์หรือภาวะที่ร่างกายมีการทำงานของไตที่ปรับตัวสูงขึ้นในบางสถานการณ์

การเฝ้าระวังค่าของ Creatinine อย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถประเมินการทำงานของไตและวางแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

แนวทางการป้องกันโรคไตง่ายๆ ที่ทำได้ทุกวัน

การป้องกันโรคไตเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพและสมรรถภาพการทำงานของไตให้ดีอยู่เสมอ การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไตหรือชะลอการเสื่อมของไตได้

  • ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม
    การดื่มน้ำอย่างเพียงพอช่วยให้ไตทำหน้าที่กรองของเสียได้ดีขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    ผู้ที่มีโรคเบาหวานควรควบคุมระดับน้ำตาลให้เหมาะสม เนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงสามารถทำลายหลอดเลือดในไตและลดสมรรถภาพการทำงานของไต
  • ควบคุมความดันโลหิต
    ความดันโลหิตสูงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของไต ควรเฝ้าระวังและควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจทำร้ายไต
    การใช้ยาแก้ปวดหรือยาอื่น ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อไตในระยะยาว ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เสมอ
  • รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    น้ำหนักเกินและโรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง การควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงนี้
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    เลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อไต เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และลดการบริโภคเกลือ น้ำตาล และไขมันที่สูงเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
    การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบต่อหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมถึงไต ควรหลีกเลี่ยงเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
  • ตรวจสุขภาพไตเป็นประจำ
    การตรวจสมรรถภาพการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่ระยะแรกและรับมือได้ทันเวลา

การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอและเฝ้าระวังสุขภาพไตเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้ไตทำงานได้ดีและลดความเสี่ยงของโรคไตในอนาคต

ตรวจการทำงานของไตด้วยค่า eGFR ได้ที่ S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพคนเมือง

เพื่อเฝ้าระวังภาวะไตเสื่อมและดูแลสุขภาพไตให้แข็งแรงอยู่เสมอ การตรวจค่าไตโดยเฉพาะค่า eGFR เป็นการประเมินสุขภาพไตที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม

S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพคนเมือง พร้อมให้บริการตรวจค่าไต eGFR ค่า BUN และค่า Creatine ภายใต้โปรแกรม Basic Lab Check Up ซึ่งไม่ได้เน้นเพียงแค่การตรวจสมรรถภาพไตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจวิเคราะห์สุขภาพเชิงป้องกันในด้านอื่น ๆ เช่น การวัดระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจค่าไขมันในเลือด Lipid Profile และการวิเคราะห์ปัสสาวะเพื่อครอบคลุมสุขภาพพื้นฐานเพื่อประเมินความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ S’RENE by SLC ยังมีโปรแกรมดริปวิตามินฟื้นฟูสุขภาพ โดยมีสูตรให้เลือกใช้มากกว่า 20 สูตรดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านเพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพเฉพาะบุคคล

เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการรู้เท่าทันร่างกายตัวเอง S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพคนเมือง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพไตและสุขภาพองค์รวมของคุณให้แข็งแรงยาวนาน พร้อมใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองคิวปรึกษาแพทย์ที่ S’RENE by SLC ได้แล้ววันนี้

  • สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
  • สาขา Charn แจ้งวัฒนะ ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
  • สาขา Paradise Park ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
  • สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
  • LINE: @SRENEbySLC
  • หรือคลิก https://bit.ly/3llXtvw

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่

  • Facebook: www.facebook.com/SrenebySLC
  • IG: www.instagram.com/srene.byslc
  • TikTok: www.tiktok.com/@srenebyslc

อ้างอิง แบบ APA 

Estimated glomerular filtration rate (egfr): Definition & results. Cleveland Clinic. (2024a, May 1). https://my.clevelandclinic.org/health/diagnostics/21593-estimated-glomerular-filtration-rate-egfr

Estimated glomerular filtration rate (egfr). National Kidney Foundation. (2022, July 23). https://www.kidney.org/kidney-topics/estimated-glomerular-filtration-rate-egfr

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่