เรื่องน่ารู้

Blogs

RESET ร่างกาย ด้วยการล้างลำไส้

เคยรู้สึกไหมว่าร่างกายอ่อนล้า เหมือนแบกของหนักอยู่ตลอดเวลา? หรือมีปัญหาท้องผูก ระบบขับถ่ายไม่ปกติ ทั้งที่พยายามดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว? บางทีปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่ภายนอก แต่อยู่ภายในลำไส้

ลำไส้ เป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมสารอาหาร แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นแหล่งสะสมของเสียและสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป หากลำไส้ไม่สะอาด ของเสียเหล่านี้จะสะสมและส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ท้องผูก ระบบขับถ่ายไม่ปกติ ไปจนถึงภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผิวพรรณหมองคล้ำ และเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ

การดีท็อกล้างลำไส้ จึงเป็นเสมือนการ “RESET ” ระบบทางเดินอาหาร ช่วยขจัดของเสียและสารพิษที่ตกค้างออกไป ทำให้ลำไส้กลับมาสะอาดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น ผิวพรรณสดใส และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ

แต่การสวนล้างลำไส้ ไม่ใช่แค่การสวนทวารธรรมดาๆ เท่านั้น ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่า นั่นคือ “Colon Hydrotherapy” ซึ่งจะช่วยทำความสะอาดลำไส้อย่างล้ำลึกและอ่อนโยน พร้อมมอบความรู้สึกสดชื่น เบาสบาย ให้คุณกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

การสวนล้างลำไส้คืออะไร

อาการปวดท้อง

การล้างลำไส้ หรือ Colon Hydrotherapy คือ กระบวนการดีท็อกทำความสะอาดลำไส้ใหญ่โดยการใช้ น้ำสะอาดที่ผ่านการกรองและฆ่าเชื้อ ชะล้างของเสีย สารพิษ และสิ่งตกค้างต่างๆ ที่สะสมอยู่ในลำไส้ให้ออกไป

การสวนล้างลำไส้ มีจุดประสงค์หลักเพื่อ ปรับสมดุล และ ฟื้นฟู การทำงานของระบบทางเดินอาหารให้กลับมาเป็นปกติ เมื่อลำไส้สะอาด ปราศจากของเสียและสารพิษตกค้าง ร่างกายก็จะสามารถ ดูดซึมสารอาหาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ การสวนล้างลำไส้ยังช่วย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ให้มีการบีบตัวและขับถ่ายของเสียได้ดีขึ้น ช่วย ลดปัญหาท้องผูก และ อาการไม่สบายท้อง อีกทั้งยังช่วย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ให้แข็งแรงขึ้น เนื่องจากลำไส้เป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

ด้วยประโยชน์มากมายที่กล่าวมา การล้างลำไส้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

การล้างลำไส้มีกี่ประเภท

วิธีล้างลําไส้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ตามวิธีการและอุปกรณ์ที่ใช้ ได้แก่

วิธีล้างลำไส้ด้วยวิธีต่าง ๆ :การล้างลำไส้ด้วยตัวเอง (Home Colon Cleansing) การล้างลำไส้โดยเครื่อง Colon Hydrotherapy ระบบเปิด (Open System) และการล้างลำไส้โดยเครื่อง Colon Hydrotherapy ระบบปิด (Closed System)

การสวนล้างลำไส้ด้วยตัวเอง (Home Colon Cleansing)

  • เป็นวิธีที่สามารถทำได้เองที่บ้าน โดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ เช่น ถุงสวนทวาร หรือขวดสวนล้างลำไส้
  • มักใช้สารละลายน้ำเกลือ หรือสมุนไพรบางชนิดในการล้างลำไส้
  • มีข้อจำกัดในการเข้าถึงและ ทำความสะอาดลำไส้ได้แค่ส่วนปลาย
  • อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน หากทำไม่ถูกวิธี

การสวนล้างลำไส้ด้วยเครื่อง Colon Hydrotherapy ระบบเปิด (Open System)

  • เป็นการล้างลำไส้โดยใช้เครื่องล้างลำไส้ และมีผู้เชี่ยวชาญดูแล
  • สามารถทำความสะอาดลำไส้ได้ลึกกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าการล้างลำไส้ด้วยตัวเอง
  • มีระบบควบคุมอุณหภูมิและแรงดันน้ำ เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัย
  • ผู้เข้ารับบริการจะต้องควบคุมการปล่อยของเสียออกจากร่างกายเอง อาจทำให้รู้สึกไม่สะดวก หรือควบคุมได้ยาก
  • อาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ระหว่างการทำ

การสวนล้างลำไส้ด้วยเครื่อง Colon Hydrotherapy ระบบปิด (Closed System)

  • เป็นการล้างลำไส้โดยผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยและปลอดภัย
  • สามารถทำความสะอาดลำไส้ได้ลึกถึงลำไส้ส่วนต้น
  • มีระบบควบคุมอุณหภูมิและแรงดันน้ำ เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัย
  • ของเสียจะถูกระบายออกจากร่างกายผ่านท่อโดยตรง ทำให้สะดวกและสะอาดกว่า มีกลิ่นน้อยกว่า

การล้างลำไส้ ส่งผลดีอย่างไร

การล้างลำไส้ด้วย Colon Hydrotherapy ไม่ได้เป็นเพียงแค่การชำระล้างของเสียออกจากร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่างๆ ดังนี้

  1. ขจัดสารพิษและของเสียตกค้าง: การล้างลำไส้ช่วยกำจัดของเสียและสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น ท้องผูก อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และปัญหาผิวพรรณ
  2. ปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร: เมื่อลำไส้สะอาด การดูดซึมสารอาหารก็จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร
  3. กระตุ้นการทำงานของลำไส้: น้ำที่ใช้ในการล้างลำไส้จะช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น และช่วยลดปัญหาท้องผูกได้
  4. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: ลำไส้เป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การล้างลำไส้ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น
  5. เพิ่มพลังงานและความสดชื่น: เมื่อร่างกายได้รับการชำระล้างสารพิษ จะทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และมีพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น
  6. ลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ: การล้างลำไส้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้แปรปรวน และโรคอื่นๆ

การล้างลำไส้ด้วย Colon Hydrotherapy จึงเป็นมากกว่าแค่การทำความสะอาดลำไส้ เพราะเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว ช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

ใครเหมาะ / ไม่เหมาะในการล้างลำไส้

อาการที่ควรล้างลำไส้

การล้างลำไส้ด้วย Colon Hydrotherapy แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน การทำความเข้าใจว่าใครบ้างที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมกับการล้างลำไส้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

ผู้ที่ควรทำการล้างลำไส้

  • ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง: หากคุณมีปัญหาท้องผูกเป็นประจำ หรือต้องใช้ยาถ่ายบ่อยๆ การล้างลำไส้อาจช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่าย และลดการพึ่งพายาถ่ายได้
  • ผู้ที่มีระบบขับถ่ายไม่ปกติ: ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องเสียเรื้อรัง หรือการขับถ่ายที่ไม่เป็นเวลา การล้างลำไส้สามารถช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ
  • ผู้ที่ต้องการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย: หากคุณรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้า เหนื่อยง่าย หรือมีปัญหาผิวพรรณ การล้างลำไส้สามารถช่วยขจัดสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของปัญหาเหล่านี้
  • ผู้ที่ต้องการปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร: การล้างลำไส้ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร
  • ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม: การล้างลำไส้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ

ผู้ที่ไม่ควรทำการล้างลำไส้

  • ผู้ที่มีโรคหรืออาการบาดเจ็บบริเวณทวารหนักและลำไส้: เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง, ริดสีดวงทวาร, ลำไส้ใหญ่อุดตัน, มีบาดแผลในลำไส้หรือรูทวาร หรือโรคอื่นๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อการล้างลำไส้
  • หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร: เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หรือผ่านทางน้ำนมแม่
  • ผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดช่องท้อง หรือบริเวณใกล้เคียง: ควรรอให้แผลผ่าตัดหายสนิทก่อนทำการล้างลำไส้

ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิต หรือโรคหัวใจ ควรให้แพทย์ประเมินก่อนการล้างลำไส้

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำการล้างลำไส้แบบปิด

1. ปรับอาหารก่อนล้างลำไส้

  • 1 วันก่อนล้างลำไส้: รับประทานเฉพาะอาหารเหลว เช่น น้ำผลไม้ ซุปใส หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำ เพื่อให้ลำไส้มีเวลาพักและเตรียมพร้อมสำหรับการล้าง

2. งดอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด

  • งดอาหารแข็งอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนล้างลำไส้
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และน้ำอัดลม อย่างน้อย 1 วันก่อนล้างลำไส้
  • งดนมและผลิตภัณฑ์จากนม อย่างน้อย 1 วันก่อนล้างลำไส้

3. ปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัยหรือโรคประจำตัว

หากคุณมีโรคประจำตัว หรือทานยาอยู่เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการล้างลำไส้ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ขั้นตอนในการล้างลำไส้

การสวนล้างลำไส้

1. เตรียมความพร้อม:

  • ก่อนเริ่มกระบวนการล้างลำไส้ ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอน และข้อควรปฏิบัติต่างๆ อย่างละเอียด
  • เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ทางคลินิกจัดเตรียมให้ เพื่อความสะดวกสบายในการทำ

2. เริ่มต้นการสวนล้างลำไส้:

  • นอนบนเตียงตะแขงขวา ผู้เชี่ยวชาญจะค่อย ๆ สอดท่อขนาดเล็กสำหรับใช้แล้วทิ้งที่ผ่านการฆ่าเชื้อเข้าไปในทวารหนักของคุณ
  • น้ำสะอาดที่ผ่านการกรอง (sterilized water) และควบคุมอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิร่างกาย จะไหลเข้าสู่ลำไส้ใหญ่อย่างช้าๆ เพื่อชะล้างของเสียและสารพิษที่ตกค้าง

3. กระบวนการชำระล้าง:

  • น้ำที่ไหลเข้าไปในลำไส้จะช่วยละลายสิ่งสกปรก ทำให้ของเสียและสารพิษถูกขับออกมา
  • ผู้เชี่ยวชาญจะคอยควบคุมแรงดันและปริมาณน้ำ เพื่อให้คุณรู้สึกสบายและไม่เจ็บปวด
  • ระบบปิดของเครื่องจะช่วยให้ของเสียถูกระบายออกไปอย่างสะอาด ไม่เลอะ และลดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์

4. การนวด:

  • ในระหว่างการสวนล้าง ผู้เชี่ยวชาญจะทำการนวดหน้าท้องเบาๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ อีกทั้งยังช่วยขับไล่แก๊สที่ตกค้างในลำไส้ ทำให้การชำระล้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

5. สิ้นสุดการล้างลำไส้:

  • เมื่อการสวนล้างลำไส้เสร็จสิ้น ผู้เชี่ยวชาญจะค่อยๆ ดึงท่อออก
  • คุณสามารถเข้าห้องน้ำเพื่อขับของเสียที่เหลือออกจากร่างกาย

6. พักผ่อนและฟื้นฟู:

  • หลังการสวนล้างลำไส้ แนะนำให้นั่งพักผ่อนดูอาการ 10-15 นาที โดยผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่ควรรับประทานและการดูแลตัวเองหลังล้างลำไส้

ข้อควรปฏิบัติหลังทำการล้างลำไส้

1. รับประทานอาหารที่เหมาะสม:

  • ในช่วง 2 ชั่วโมงแรก: เริ่มต้นด้วยการดื่มน้ำสะอาด หรือเกลือแร่เพื่อเติมเต็มน้ำที่สูญเสียไประหว่างการล้างลำไส้ และทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ซุป หรือน้ำขิง
  • ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก: เลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปใส หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำ
  • เลี่ยงการทานอาหารมื้อหนัก เช่น ชาบู บุฟเฟต์ อาหารย่อยยาก หรืออาหารรสจัด เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังการล้างลำไส้
  • เลี่ยงการทานยาถ่าย ไฟเบอร์กากใยเพื่อการขับถ่าย หากไม่ได้สั่งจ่ายโดยแพทย์
  • เลี่ยงอาหารที่ก่อภูมิแพ้แฝง เพื่อป้องกันการระคายเคืองลำไส้

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างราบรื่น และป้องกันอาการท้องผูก
3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายลำไส้:

  • เลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และน้ำอัดลม อย่างน้อย 1-2 วันหลังสวนล้างลำไส้
  • งดสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลำไส้

4. เสริมสร้างจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้: รับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ หรือรับประทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
5. สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องรุนแรง มีไข้ หรือถ่ายเป็นเลือด ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

การสวนล้างลำไส้ สามารถทำได้บ่อยแค่ไหน

หลายคนอาจสงสัยว่า การสวนล้างลำไส้ด้วยระบบปิด (Colon Hydrotherapy) ควรทำบ่อยแค่ไหน ถึงจะได้รับประโยชน์สูงสุดและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพร่างกาย ความต้องการส่วนบุคคล และคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีสุขภาพดีและไม่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง อาจทำการล้างลำไส้ได้ ปีละ 8-12 ครั้ง ซึ่งความถี่ในการทำแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ภูมิแพ้อาหารแฝง หรือมีสารพิษตกค้างในร่างกายจำนวนมาก อาจจำเป็นต้องล้างลำไส้บ่อยขึ้น ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้หลังการล้างลำไส้

แม้ว่าการล้างลำไส้ด้วยระบบปิด จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการทำ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นอาการเล็กน้อยและจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือภายในวันที่ทำ

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้:

  • รู้สึกไม่สบายท้อง: อาจมีอาการปวดท้อง ท้องอืด หรือรู้สึกไม่สบายท้องเล็กน้อยหลังการล้างลำไส้ ซึ่งมักเกิดจากการที่ลำไส้กำลังปรับตัวหลังจากการทำความสะอาด
  • รู้สึกอ่อนเพลีย: บางคนอาจรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อยหลังการล้างลำไส้ เนื่องจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ระหว่างการทำ
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน: ในบางกรณี อาจมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน ซึ่งมักเกิดจากการที่ลำไส้ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง
  • การเปลี่ยนแปลงในการขับถ่าย: อาจมีการเปลี่ยนแปลงในการขับถ่าย เช่น ท้องเสีย หรือท้องผูกเล็กน้อยในช่วง 1-2 วันหลังการล้างลำไส้

ข้อควรระวัง:

  • หากมีอาการผิดปกติใดๆ หลังการล้างลำไส้ เช่น ปวดท้องรุนแรง มีไข้ หรือถ่ายเป็นเลือด ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ริดสีดวงทวาร หรือลำไส้ใหญ่อุดตัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการล้างลำไส้ เพื่อประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสม

ตรวจล้างลำไส้ได้ที่ S’RENE คลินิกสุขภาพคนเมือง: ดูแลครบวงจร สะอาด ปลอดภัย ไร้กังวล

ลำไส้ที่แข็งแรง คือ รากฐานของสุขภาพที่ดี เมื่อลำไส้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายก็จะสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ ขับถ่ายของเสียได้อย่างราบรื่น และมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง แต่หากลำไส้ของคุณเต็มไปด้วยสารพิษและของเสียตกค้าง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในวงกว้าง ตั้งแต่ปัญหาทางเดินอาหาร ไปจนถึงอาการภูมิแพ้ต่างๆ

ที่ S’RENE by SLC เราเข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพลำไส้อย่างครอบคลุม เราจึงมีบริการสวนล้างลำไส้ด้วยระบบปิด Colon Hydrotherapy ที่จะช่วยชำระล้างสารพิษและของเสียตกค้างในลำไส้ได้อย่างล้ำลึก ลดการอักเสบ และฟื้นฟูสมดุลของระบบทางเดินอาหาร เพื่อให้ลำไส้ของคุณกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การปรึกษาแพทย์เพื่อดูแลลำไส้

ไม่เพียงเท่านั้น เรายังมีบริการเสริมอื่นๆ ที่จะช่วยให้การดูแลสุขภาพลำไส้ของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เช่นบริการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง 222 รายการ (Blog 10 – ภูมิแพ้อาหารแฝง) เพื่อรู้อาหารที่ควรเลี่ยงให้ลำไส้และร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอนไซม์ย่อยอาหารเฉพาะบุคคล ที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น ลดอาการไม่สบายท้อง และลดการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ และดริปวิตามิน (Blog 7 – ดริปวิตามิน) AMINO THERAPY ซึ่งช่วยเพิ่มสารอาหารอะมิโนบำบัดที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูและซ่อมแซมเยื่อบุลำไส้ ทำให้ลำไส้แข็งแรงขึ้น

ที่ S’RENE by SLC เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดูแลสุขภาพลำไส้ของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด

อย่าปล่อยให้ปัญหาลำไส้ มาเป็นอุปสรรคต่อการมีสุขภาพที่ดี ให้ S’RENE by SLC เป็นที่ปรึกษาและดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่มีความสุขอย่างยั่งยืน

 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมหรือจองคิวปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ S’RENE by SLC ได้แล้ววันนี้

  • สาขาทองหล่อ  064 184 5237
  • สาขา Charn แจ้งวัฒนะ ชั้น 2  099 807 7261
  • สาขา Paradise Park ชั้น 3  081 249 7055
  • LINE: @SRENEbySLC หรือคลิก https://bit.ly/3IlXtvw

 

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

King, L. M. (2023, November 22). Colon cleanse: Benefits, methods, Risks & Health Implications. WebMD. https://www.webmd.com/balance/natural-colon-cleansing-is-it-necessary 

Picco, M. F. (2024, May 10). What you should know about colon cleansing. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/consumer-health/expert-answers/colon-cleansing/faq-20058435 

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่