เรื่องน่ารู้

Blogs

WHO ประกาศภาวะฉุกเฉิน!! เตือน อหิวาตกโรค เสี่ยงเป็นโรคระบาดหนัก

อหิวาตกโรค

เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสื่อต่างประเทศ และสื่อไทย ต่างจับตามอง องค์การอนามัยโลกอย่าง World Health Organization (WHO) ที่ได้ออกมาประกาศภาวะฉุกเฉินใหญ่ระดับโลก ถึงโรคระบาดอย่าง อหิวาตกโรค (Cholera) ซึ่งเสี่ยงเป็นโรคระบาดใหญ่อีกครั้ง เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีการป้องกันและควบคุมได้อย่างดีเสมอมา แต่จากสถิติในปี 2021 กลับพบว่ามีจำนวนผู้ป่วย และมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมมีแนวโน้มระบาดอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าในปัจจุบันการฉีดวัคซีนจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญ แต่ถ้าหากไม่ได้มีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมและปรับปรุงพื้นที่ รวมถึงระบบน้ำและสุขอนามัย ก็อาจทำให้เกิดการระบาดขึ้นได้อยู่ดี แล้วคุณคิดว่าทุกวันนี้ คุณดื่มน้ำสะอาดจริงไหม? หรืออาหารที่กินสะอาดพอหรือเปล่า? แต่อย่าเพิ่งตกใจไป! บทความนี้ของซีรีนจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจถึงโรค อหิวาตกโรค แบบง่าย ๆ พร้อมวิธีป้องกันที่ใคร ๆ ก็ทำได้ในช่วงนี้ ดังนั้นห้ามละเลยเรื่องสุขอนามัยเด็ดขาด!

อหิวาตกโรค คืออะไร? ทำไมต้องรู้จัก?

อหิวาตกโรค (Cholera) หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า “โรคท้องเสียรุนแรง” เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Vibrio cholerae ซึ่งเจ้าเชื้อนี้สามารถแพร่กระจายผ่านน้ำและอาหารที่ปนเปื้อน และเป็นเชื้อที่ติดได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังมีปัญหาด้านสุขาภิบาล และสิ่งที่น่ากังวลคือ ผู้ป่วยสามารถเสียชีวิตได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

อหิวาตกโรค คือ

จุดเด่นที่น่ากลัวของโรค อหิวาตกโรค

แม้จะฟังดูเป็นเพียงโรคท้องเสียทั่วไป แต่โรคอหิวาตกโรคมี จุดเด่นที่ทำให้มันน่ากลัวและอันตราย มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่การรักษาและสุขาภิบาลไม่พร้อม โดยจะมีอาการเบื้องต้นคือ ท้องเสียแบบ “น้ำซาวข้าว” ที่ควบคุมไม่ได้ จากนั้นจะตามมาด้วยจุดเด่นดังต่อไปนี้

1. การขาดน้ำอย่างรุนแรง และรวดเร็ว อาจนำไปสู่ภาวะช็อก

  • ผู้ป่วยสามารถสูญเสียน้ำในร่างกายได้มากถึง 20 ลิตรต่อวัน ผ่านทางการท้องเสียและอาเจียน
  • ภาวะขาดน้ำรุนแรงอาจนำไปสู่ ภาวะช็อก หรือการทำงานของอวัยวะล้มเหลวได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

2. แพร่กระจายรวดเร็วและง่ายดาย

  • เชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae สามารถแพร่กระจายผ่านน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ระบบน้ำสะอาดไม่ดี
  • การแพร่ระบาดในชุมชนสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หากขาดการจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เช่น หลังภัยธรรมชาติ หรือในค่ายผู้ลี้ภัย

3. อาการรุนแรงในเวลาอันสั้น

  • โรคนี้สามารถแสดงอาการได้ภายใน 12-48 ชั่วโมง หลังติดเชื้อ
  • อาการท้องเสียและอาเจียนอย่างรุนแรงทำให้ร่างกายเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว

4. อัตราการเสียชีวิตสูงในพื้นที่เสี่ยง

  • หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และมีโอกาสเสียชีวิตถึง 50%
  • ในพื้นที่ที่ขาดแคลนการดูแลทางการแพทย์ อัตราการเสียชีวิตอาจสูงกว่านี้

5. การดื้อยาในบางสายพันธุ์

  • เชื้ออหิวาตกโรคบางสายพันธุ์เริ่มแสดง การดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ทำให้การรักษามีความยากลำบากมากขึ้นในบางพื้นที่

6. ผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ

  • การระบาดของโรคส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคการเกษตรและการค้าขายที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
  • ผู้ป่วยจำนวนมากในชุมชนเดียวกันทำให้ระบบสุขภาพท้องถิ่นล้นเกินกำลัง

ทำไม WHO ถึงออกมาเตือนภาวะฉุกเฉินครั้งใหญ่เกี่ยวกับโรคอหิวาตกโรคในช่วงนี้?

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ โรคอหิวาตกโรค เป็นภาวะฉุกเฉินครั้งใหญ่ระดับโลก เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ และมีการระบาดรุนแรงในประเทศที่ประสบปัญหาด้านสุขาภิบาลและแหล่งน้ำสะอาด

  1. จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น: โดยในปี 2023-2024 มีรายงานผู้ป่วยโรคอหิวาตกโรคในหลายภูมิภาคทั่วโลก เช่น
    • แอฟริกา: ประเทศใน Sub-Saharan Africa รายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    • เอเชียใต้: ประเทศในภูมิภาคนี้ประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ทำให้เกิดการปนเปื้อนในระบบน้ำสะอาด
    • ตะวันออกกลาง: ปัญหาสงครามและวิกฤตผู้ลี้ภัย ทำให้การเข้าถึงน้ำสะอาดและระบบสุขาภิบาลแย่ลง
  2. อัตราการเสียชีวิตที่น่ากังวล: แม้โรคนี้สามารถรักษาได้หากได้รับการดูแลเร็ว แต่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยหลายรายเสียชีวิตจากภาวะขาดน้ำและเกลือแร่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตในบางประเทศสูงถึง 10-15% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด
  3. ผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสงคราม: สถานการณ์ภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และการอพยพจำนวนมาก ทำให้ระบบน้ำสะอาดและสุขาภิบาลในพื้นที่เหล่านี้พังทลายลง เปิดโอกาสให้เชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

*คำเตือนจาก WHO: การที่ออกมาเตือนในครั้งนี้ WHO เน้นย้ำว่าโรคอหิวาตกโรคไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของประเทศที่กำลังพัฒนาเท่านั้น หากแต่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ที่ขาดแคลนน้ำสะอาดและสุขาภิบาล โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการลี้ภัยในพื้นที่สงคราม

 

ตัวเลขที่ควรรู้เกี่ยวกับ อหิวาตกโรค

  • แต่ละปีมีผู้ติดเชื้อกว่า 4 ล้านคนทั่วโลก
  • มีผู้เสียชีวิตถึง 100,000 คนต่อปี
  • โรคอหิวาตกโรคอาจไม่มีอาการในบางคน (ประมาณ 75% ของผู้ติดเชื้อ) แต่พวกเขายังคงสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว

 

“การประกาศของ WHO ครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้ทุกคนเริ่มหันมาใส่ใจสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน เพราะการป้องกันโรคนี้ทำได้ง่ายกว่าที่คิด!”

 

อาการ อหิวาตกโรค

อาการของโรค อหิวาตกโรค

อย่าปล่อยให้อาการท้องเสียกลายเป็นเรื่องธรรมดา! โรคอหิวาตกโรคอาจแสดงอาการตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรง โดยอาการที่พบส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae ซึ่งทำให้เกิดการสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว หากคุณหรือคนใกล้ตัว มีอาการเหล่านี้ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที 

  1. ท้องเสียรุนแรงแบบน้ำใส: ท้องเสียมีลักษณะเหมือน “น้ำซาวข้าว” ซึ่งเป็นอาการเด่นของโรค ซึ่งท้องเสียอาจเกิดขึ้นบ่อยจนร่างกายสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว
  2. คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง: หรือมีอาการอาเจียนอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยอาจอาเจียนแม้ไม่ได้รับประทานอาหาร ทำให้ร่างกายขาดเกลือแร่เพิ่มเติม
  3. อ่อนเพลียและตัวซีดจากการขาดน้ำ: ผู้ป่วยอาจรู้สึกอ่อนล้าจากการสูญเสียน้ำและพลังงาน
  4. ตะคริวหรือปวดท้องจากการเสียแร่ธาตุ: การขาดเกลือแร่ เช่น โพแทสเซียม ทำให้เกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อ และอาจทำให้มีอาการปวดท้องร่วมด้วย
  5. ขาดน้ำรุนแรง: โดยอาการขาดน้ำสามารถสังเกตได้จาก ปากและลิ้นแห้ง, ตาโหลลึก และผิวหนังเหี่ยวย่นหรือไม่ยืดหยุ่น หากไม่ได้รับน้ำและเกลือแร่ทดแทน อาจนำไปสู่ ภาวะช็อก หรือ หมดสติ
  6. ชีพจรเต้นเบาและเร็ว: เนื่องจากปริมาณเลือดในร่างกายลดลงจากการขาดน้ำ

หากมีอาการรุนแรงที่ควรรีบพบแพทย์ทันที

  • ท้องเสียต่อเนื่องไม่หยุดภายใน 6 ชั่วโมง
  • อาเจียนร่วมกับปัสสาวะลดลงหรือไม่มีปัสสาวะเลย
  • ภาวะช็อก เช่น หมดสติหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ

หากปล่อยไว้นานเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะช็อกหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นอย่านิ่งนอนใจเด็ดขาดนะ

วิธีดูแล อหิวาตกโรค

วิธีป้องกันอหิวาตกโรคง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้เอง!

การป้องกันโรคนี้ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หรูหรา แค่เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น

1. น้ำสะอาด คือตัวช่วยสำคัญ

  • ดื่มน้ำที่ผ่านการกรองหรือต้มให้สุกเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแหล่งเปิด เช่น บ่อหรือคลอง

2. อาหารปลอดภัย ต้องปรุงสุกเสมอ

  • หลีกเลี่ยงอาหารดิบ โดยเฉพาะหอยและอาหารทะเล
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแมลงวันตอม
  • เก็บอาหารที่เหลือในตู้เย็นและอุ่นก่อนรับประทาน
  • หากจะกินผักสดก็ต้องแน่ใจว่าล้างสะอาดแล้ว

3. ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ

  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลังเข้าห้องน้ำและก่อนกินอาหาร
  • ใช้เจลแอลกอฮอล์ในกรณีที่ไม่มีน้ำ

4. วัคซีนช่วยได้ แต่ไม่ใช่มาตรการหลัก

ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่ว่าเหมาะสำหรับคนที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ วัคซีนอหิวาตกโรคไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับคนที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหรือมีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีนเพื่อความปลอดภัย

ถ้าติดเชื้อแล้ว ต้องทำยังไง?

หากพบว่ามีอาการของโรค ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนนี้

  1. ดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  2. รีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น ยาปฏิชีวนะ
  3. แยกผู้ป่วยออกจากผู้อื่น เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

WHO แนะนำให้เราร่วมมือป้องกันโรคนี้อย่างไร?

  • สนับสนุนการบริจาคเพื่อจัดหาน้ำสะอาดในพื้นที่ขาดแคลน
  • ร่วมเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องในชุมชน

 

สรุปว่า อหิวาตกโรค อันตรายจริงมั้ย? 

คำตอบคือ อันตรายมาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและทันเวลา! โรคอหิวาตกโรคอาจดูเหมือนเป็นเพียงโรคท้องเสียทั่วไป แต่ผลกระทบของมันร้ายแรงกว่าที่หลายคนคิด โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังนั้นการดูแลสุขอนามัยให้ดีอยู่เสมอ จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ 

จึงทำให้การประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งนี้ของ WHO ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนสำคัญให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของโรคอหิวาตกโรคและความจำเป็นในการพัฒนาสุขาภิบาลและระบบน้ำสะอาด โดยทุกคนสามารถมีส่วนช่วยลดการระบาดได้ ด้วยการปฏิบัติตามวิธีป้องกันที่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถป้องกันได้และรักษาได้ง่ายหากเข้าถึงแพทย์เร็วพอ ด้วยการดูแลสุขอนามัยพื้นฐานและปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพ ก็ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้แล้ว!

และถ้าอยากสุขภาพดี หรือมีปัญหาสุขภาพด้านไหน สามารถเข้ามาปรึกษา S’RENE by SLC – Urban Wellness Clinic คลินิกที่พร้อมดูแลทุกเรื่องสุขภาพของคนเมืองอย่างคุณ โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่ 

▪️ สาขา ทองหล่อ – โทร 064 184 5237

▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร  081 249 7055

▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669

______________________________________________________________

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Cholera: Fact Sheets. World Health Organization (WHO).
https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/cholera

Cholera Outbreak. WHO Regional Office for the Eastern Mediterranean (EMRO).
https://www.emro.who.int/health-topics/cholera-outbreak/index.html

Cholera Surveillance and Disease Data. European Centre for Disease Prevention and Control (ECDC).
https://www.ecdc.europa.eu/en/all-topics-z/cholera/surveillance-and-disease-data/cholera-monthly

Cholera Information. UNICEF. https://www.unicef.org/syria/cholera-information

Marked Increase in Annual Cholera Deaths: 2024 Data. WHO.
https://www.who.int/news/item/04-09-2024-data-show-marked-increase-in-annual-cholera-deaths

Multi-Country Outbreak of Cholera: External Situation Report (21 – 18 December 2024). WHO.
https://www.who.int/publications/m/item/multi-country-outbreak-of-cholera–external-situation-report–21—18-december-2024

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่