เรื่องน่ารู้

Blogs

ต่อมหมวกไตล้า กับสาเหตุของอาการอ่อนเพลีย พักผ่อนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

เคยสงสัยไหมว่าทำไมหลายคนถึงรู้สึก “เหนื่อยไม่หาย พักเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น” แม้จะนอนครบ 8 ชั่วโมงทุกคืน? ทำไมบางคนถึงกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย ขาดความกระตือรือร้น และเริ่มรู้สึกว่างานที่เคยรักกลับกลายเป็นภาระ? นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของ ภาวะ ต่อมหมวกไตล้า และ ภาวะหมดไฟ ที่กำลังคุกคามสุขภาพคุณอย่างเงียบๆ

ภาวะต่อมหมวกไตล้าคืออะไร

ภาวะต่อมหมวกไตล้า (Adrenal Fatigue) คือ กลุ่มอาการที่ถูกอธิบายว่าเกิดขึ้นเมื่อต่อมหมวกไตทำงานหนักเกินไปจากการเผชิญความเครียดเรื้อรังเป็นเวลานาน จนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ โดยเฉพาะคอร์ติซอล ได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มแปรปรวน แม้ว่าภาวะนี้อาจยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในวงการแพทย์กระแสหลัก แต่กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีอาการเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

ภาวะต่อมหมวกไตล้ามีอาการอย่างไร

อาการของภาวะต่อมหมวกไตล้ามีความหลากหลายและสามารถส่งผลกระทบได้ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรม ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปได้ยากลำบาก โดยอาการที่พบบ่อยสามารถแบ่งได้ดังนี้

อาการต่อมหมวกไตล้า ทางร่างกาย

  • ตื่นนอนแล้วยังรู้สึกเหนื่อย ไม่สดชื่น
  • มีพลังงานต่ำตลอดวัน โดยเฉพาะช่วงบ่าย
  • หิวของหวานหรือเค็มจัดผิดปกติ
  • เวียนศีรษะเมื่อลุกนั่งเร็ว ๆ
  • ภูมิแพ้หรือปัญหาผิวหนังกำเริบ
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

อาการต่อมหมวกไตล้า ทางจิตใจ

  • รู้สึกแยกตัวจากสิ่งรอบข้างและผู้คน
  • ขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ แม้งานอดิเรก
  • รู้สึกว่างเปล่า ไร้ความหมาย หรือสิ้นหวัง
  • วิตกกังวลโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
  • นอนไม่หลับทั้งที่รู้สึกเหนื่อยมาก

อาการต่อมหมวกไตล้า ทางพฤติกรรม

  • พึ่งพากาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ
  • หงุดหงิดกับเรื่องเล็กๆ น้อย ๆ ที่ปกติไม่เคยรู้สึก
  • สมาธิสั้นลง จดจ่อกับงานได้ยากขึ้น
  • เลื่อนนัดหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคม
  • ผลงานหรือประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

หากพบสัญญาณเหล่านี้ 4-5 ข้อขึ้นไป และอาการเป็นต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ คุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะต่อมหมวกไตล้าหรือภาวะหมดไฟ

ความเชื่อมโยงระหว่าง ความเครียด กับ ต่อมหมวกไต

ต่อมหมวกไตเป็นต่อมไร้ท่อขนาดเล็กที่อยู่เหนือไตทั้งสองข้าง มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด

  1. คอร์ติซอล (Cortisol) – ฮอร์โมนความเครียดหลักที่ช่วยให้ร่างกายรับมือกับภาวะฉุกเฉิน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน
  2. ดีเอชอีเอ (DHEA) – ฮอร์โมนที่ช่วยสร้างสมดุลกับคอร์ติซอล มีคุณสมบัติต้านความเครียดและช่วยฟื้นฟูร่างกาย

เมื่อเราเครียดเป็นเวลานาน ต่อมหมวกไตจะหลั่งคอร์ติซอลอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเริ่มล้าและไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่างสมดุล ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของระบบต่าง ๆ

  • ระบบเผาผลาญช้าลง ทำให้น้ำหนักเพิ่มง่าย
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย อักเสบเรื้อรัง
  • การหลับ-ตื่นผิดปกติ เพราะฮอร์โมนที่ควบคุมวงจรการนอนแปรปรวน
  • อารมณ์ไม่คงที่ เพราะฮอร์โมนมีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง

เมื่อร่างกายอ่อนแอจากภาวะต่อมหมวกไตล้า จิตใจก็ยิ่งรับมือกับความเครียดได้ยากขึ้น เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ที่ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจยิ่งทรุดลงเรื่อย ๆ

ภาวะต่อมหมวกไตล้าและภาวะหมดไฟ

ภาวะหมดไฟคืออะไร 

ภาวะหมดไฟ (Burnout) คือ สภาวะของความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจ ที่เป็นผลมาจากความเครียดเรื้อรังหรือความคับข้องใจที่ยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความคาดหวังที่ไม่สมจริงในเรื่องงานหรือภาระความรับผิดชอบส่วนตัว ส่งผลให้รู้สึกสูญเสียพลังงาน มองสิ่งต่างๆ ในแง่ลบ รู้สึกเหินห่างจากผู้คน และประสิทธิภาพในการทำสิ่งต่างๆ ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

ภาวะหมดไฟกับต่อมหมวกไตล้าต่างกันอย่างไร

ภาวะหมดไฟ (Burnout) คือภาวะที่จิตใจและอารมณ์ถูกใช้งานหนักเกินไปจนเกิดความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ส่งผลให้

  • รู้สึกหมดพลังทางอารมณ์ เบื่อหน่าย ไม่มีความสุขกับสิ่งที่เคยชอบ
  • มีทัศนคติด้านลบต่องานและชีวิต มองไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ
  • ประสิทธิภาพการทำงานลดลง รู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถ

ภาวะต่อมหมวกไตล้า เป็นภาวะทางร่างกายที่เกิดเมื่อต่อมหมวกไตถูกกระตุ้นให้ทำงานหนักเป็นเวลานาน จนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้

  • รู้สึกอ่อนเพลียทางกายอย่างมาก แม้จะพักผ่อนเต็มที่
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย หายช้า
  • เกิดความผันผวนของระดับน้ำตาลในเลือด หิวของหวาน อยากทานของเค็ม
  • นอนไม่หลับ หรือนอนไม่สนิท หรือตื่นเช้ามากผิดปกติ

แม้ว่าทั้งสองภาวะจะแตกต่างกัน แต่มักจะเกิดควบคู่กันและส่งผลซึ่งกันและกัน เพราะจิตใจและร่างกายเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก ความเครียดทางจิตใจส่งผลถึงการทำงานของต่อมหมวกไต ในขณะที่ความผิดปกติของฮอร์โมนก็ส่งผลต่ออารมณ์และสภาพจิตใจเช่นกัน

ทำไมคนทำงานเสี่ยงต่อภาวะต่อมหมวกไตล้า

คนทำงานในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่ทำให้โอกาสเกิดภาวะต่อมหมวกไตล้าและภาวะหมดไฟสูงขึ้น

  • วัฒนธรรมการทำงานแบบ “Always On” – การเชื่อมต่อตลอดเวลาผ่านสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ต ทำให้หลายคนทำงานแม้นอกเวลางาน ตอบอีเมลและแชทตลอดเวลา จนร่างกายไม่ได้พักจริง ๆ
  • การแข่งขันที่สูงขึ้น – สภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดงานทำให้หลายคนต้องทำงานหนักขึ้น ทำงานล่วงเวลา หรือรับงานพิเศษเพิ่ม
  • เส้นแบ่งระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวเลือนลาง – โดยเฉพาะในยุค Work From Home ทำให้หลายคนทำงานมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว และไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างแท้จริง
  • ความเร่งรีบของสังคมเมือง – ชีวิตที่เร่งรีบ การจราจรติดขัด มลภาวะ และค่าครองชีพสูง ล้วนเพิ่มความเครียดพื้นฐานในชีวิตประจำวัน

วิธีฟื้นฟูจากภาวะต่อมหมวกไตล้าแบบองค์รวม: กาย-ใจ-จิตวิญญาณ

การฟื้นฟูจากภาวะต่อมหมวกไตล้าจำเป็นต้องอาศัยแนวทางแบบองค์รวมที่ดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของคุณ เพื่อให้คุณกลับมามีพลังและสมดุลอย่างยั่งยืน การแก้ไขภาวะต่อมหมวกไตล้าและภาวะหมดไฟจึงต้องอาศัยการดูแลแบบองค์รวม เพราะปัญหาเกิดขึ้นทั้งกายและใจ ลองเริ่มต้นด้วยขั้นตอนเหล่านี้

ฟื้นฟูร่างกาย

  • ปรับตารางการนอน – นอนก่อน 22.00 น. ตื่นเวลาเดียวกันทุกวัน งดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง
  • ทานอาหารที่สนับสนุนต่อมหมวกไต – ลดน้ำตาลและอาหารแปรรูป เพิ่มโปรตีนคุณภาพดี ผักใบเขียว อะโวคาโด ถั่ว และเครื่องเทศอย่างขมิ้น
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม – หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเกินไป เน้นการเดิน โยคะ หรือไทเก็ก ที่ช่วยลดความเครียดไปพร้อมกัน
  • รับประทานอาหารเล็ก ๆ บ่อย ๆ – ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ไม่ให้ต่อมหมวกไตต้องทำงานหนัก

ฟื้นฟูจิตใจ

  • ฝึกเทคนิคลดความเครียด – การหายใจลึกๆ ช้าๆ การทำสมาธิ 10-15 นาทีทุกวัน
  • ลดการเสพข่าวและโซเชียลมีเดีย – กำหนดเวลาการใช้สมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ต
  • หากิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข – เช่น งานอดิเรก การทำกิจกรรมกลางแจ้ง พบปะเพื่อนฝูง
  • ฝึกกำหนดขอบเขตการทำงาน – เรียนรู้ที่จะปฏิเสธงานเกินกำลัง ตั้งเวลาเลิกงานที่ชัดเจน

ฟื้นฟูจิตวิญญาณ

  • หาความหมายในงานที่ทำ – เชื่อมโยงงานกับคุณค่าและเป้าหมายชีวิตที่สำคัญ
  • ตั้งเป้าหมายที่สมดุล – ไม่มุ่งเน้นแต่ความสำเร็จในงาน แต่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความสัมพันธ์
  • ฝึกการปล่อยวาง – ยอมรับว่าบางสิ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา
  • สร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ – พัฒนาการเชื่อมโยงกับครอบครัว เพื่อน หรือชุมชน

หมดไฟเท่าไรควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์

แม้การดูแลตนเองจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากคุณมีอาการของภาวะหมดไฟหรือสงสัยว่ามีภาวะต่อมหมวกไตล้าที่รุนแรง ต่อเนื่อง หรือส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

  • อาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงแม้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตแล้ว
  • มีความคิดท้อแท้สิ้นหวังรุนแรง หรือคิดทำร้ายตัวเอง
  • มีอาการทางกายรุนแรง เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
  • มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่ออาการ

โดยการตรวจวัดระดับฮอร์โมนความเครียดจะช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษามีความแม่นยำมากขึ้น โดยแพทย์อาจตรวจวัด

  • ระดับคอร์ติซอลในเลือดหรือน้ำลาย
  • ระดับดีเอชอีเอ
  • ความสัมพันธ์ระหว่างฮอร์โมนทั้งสอง

สรุปภาวะต่อมหมวกไตล้า

ดูแลปัญหาต่อมหมวกไตล้า ด้วยบริการจาก S’RENE by SLC 

ภาวะต่อมหมวกไตล้าเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายต้องเผชิญกับความเครียดสะสมเป็นเวลานาน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับภาวะหมดไฟที่มีสาเหตุจากความเครียดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราสามารถแก้ไขและฟื้นฟูจากภาวะเหล่านี้ได้ด้วยการดูแลแบบองค์รวม ทั้งการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โภชนาการ การจัดการความเครียด และการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายและจิตใจกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

สำหรับใครที่รู้สึกว่ากำลังอยู่ในภาวะที่มีความอ่อนล้า อ่อนเพลียที่ไม่เคยหาย หรือมีความกังวลว่าจะเข้าข่ายของภาวะต่อมหมวกไตล้าและภาวะหมดไฟที่ S’RENE by SLC มีบริการตรวจและฟื้นฟูสำหรับผู้มีภาวะต่อมหมวกไตล้า

แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันพร้อมวิเคราะห์ผลตรวจร่วมกับอาการและประวัติสุขภาพ เพื่อวางแผนการฟื้นฟูที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ตั้งแต่การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต โภชนาการเฉพาะบุคคล ไปจนถึงการฟื้นฟูสมดุลฮอร์โมนด้วยวิธีธรรมชาติ

การดูแลเชิงป้องกันและแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ทั้งร่างกายและจิตใจกลับมาแข็งแรง มีพลังงานเต็มเปี่ยม และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสมดุลได้อีกครั้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่:

  • สาขาทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
  • สาขาชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
  • สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
  • สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
  • สาขา สยาม  – โทร 064 139 6390 และ 081-249-6392

LINE: @SRENEbySLC หรือคลิก https://bit.ly/3IlXtvw

 

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่