เรื่องน่ารู้
Blogs

เจาะลึก GIP และ GLP-1 ผู้ช่วยลับ “ลดความอยากอาหาร”

เคยสงสัยไหมว่า…ทำไมบางครั้งกินไปแค่ไม่กี่คำก็รู้สึก “จุก” ซะแล้ว? หรือทำไมหลังจัดมื้อหนัก ๆ ความรู้สึก “หิว” มันหายวับไปเลย? ความลับของความอิ่มไม่ได้อยู่แค่เรื่อง “ใจแข็ง” หรือ “มีวินัย” เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ “ผู้ช่วยลับ” ภายในร่างกายที่จะช่วย ลดความอยากอาหาร นั่นก็คือฮอร์โมน GIP และ GLP-1 ที่ทำงานแบบเงียบ ๆ อยู่ในลำไส้ มีหน้าที่ส่งสัญญาณตรงดิ่งไปยังสมองว่า “เฮ้! อาหารมาแล้วนะ เตรียมตัวอิ่มได้!” พร้อมกับสั่งการให้กระเพาะอาหาร “ชะลอเกม” ย่อยให้ช้าลง ผลลัพธ์คือ เราจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนานขึ้นนั่นเอง

โดยในช่วงนี้ ฮอร์โมนทั้งสองชนิด ถูกพูดถึงมากขึ้นในวงการสุขภาพ และการลดน้ำหนัก เพราะมีบทบาทสำคัญในการช่วย ลดความอยากอาหาร และทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับที่มา หน้าที่ และความแตกต่างของ GIP และ GLP-1 รวมถึงวิธีที่นำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลรูปร่างและลดความอยากอาหารในปัจจุบันกัน 

ฮอร์โมนในลำไส้ สำคัญกว่าที่คุณคิด! มีผลต่อน้ำหนัก และ ลดความอยากอาหาร อย่างไร  

เขาว่ากันว่า “สมองที่สอง” ซ่อนอยู่ในท้องคุณ! คิดว่าความหิวและความอิ่มมาจากสมองอย่างเดียวเหรอ? คิดใหม่ได้เลย! เพราะ ลำไส้ ของเรานี่แหละคือศูนย์บัญชาการฮอร์โมนตัวจิ๋ว ที่คอยสั่งการเรื่องความอยากอาหารและน้ำหนักตัว ซึ่งร่างกายมีการหลั่ง “ฮอร์โมนในลำไส้” อยู่หลายชนิด แต่ละตัวก็มีบทบาทสำคัญต่อความอยากอาหาร ความอิ่ม การย่อย และการเผาผลาญ โดยทำงานประสานกันเหมือนกับทีมฟุตบอล 

  • เกรลิน (Ghrelin): “กองหน้าสายหิว” พอท้องว่างปุ๊บ ฮอร์โมนนี้จะถูกปล่อยออกมาทันที ส่งสัญญาณตรงไปที่สมอง ตะโกนว่า “หิวโว้ยย! ไปหาอะไรกินเดี๋ยวนี้!” 
  • GLP-1 และ PYY:  “กองหลังสายอิ่ม” ทันทีที่คุณเริ่มกิน สองตัวนี้จะรีบออกมาทำงาน ส่งสัญญาณบอกสมองว่า “โอเค! พอแล้ว อิ่มแล้วจ้า หยุดได้!” 
  • GIP: ️ “กองกลางจัดการพลังงาน” ตัวนี้ช่วยกระตุ้นการปล่อยอินซูลิน (ฮอร์โมนคุมน้ำตาล) หลังอาหาร เพื่อจัดการกับน้ำตาลที่เราเพิ่งกินเข้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

ถ้า “กองหน้าสายหิว” (เกรลิน) ขยันเกินเบอร์ หรือ “กองหลังสายอิ่ม” (GLP-1, PYY) อู้ไม่ยอมทำงาน คุณก็จะรู้สึกอยากอาหารตลอดเวลา แม้ว่าร่างกายจะได้รับพลังงานพอแล้วก็ตาม! 

การเข้าใจกลไก “ทีมฮอร์โมน” ในลำไส้ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราจัดการกับน้ำหนัก ลดความอยากอาหาร และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดมากขึ้น 

แล้ว GIP และ GLP-1 คืออะไร? ฮอร์โมนแห่งความอิ่มและช่วย ลดความอยากอาหาร 

ฮอร์โมน GIP และ GLP-1 คือฮอร์โมนในกลุ่ม “Incretin Hormones” ซึ่งเป็นกลุ่มฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นในเซลล์ของลำไส้และถูกปล่อยออกมาทันทีที่เรากินอาหารเข้าไป โดยหน้าที่หลักมีอยู่ 2 อย่าง คือ หนึ่ง ส่งสัญญาณไปทั่วร่างกายให้รีบจัดการกับน้ำตาลที่เพิ่งเข้ามา และสอง (ที่สำคัญมาก!) คือการส่งสัญญาณตรงดิ่งไปที่ “สมอง” เพื่อบอกว่า “อิ่มแล้ว! หยุดกินได้แล้ว!” ซึ่งนี่คือกลไกที่ช่วยลดความอยากอาหารของเราโดยตรง 

แต่ความ “ฉลาด” ของฮอร์โมนกลุ่มนี้อยู่ตรงที่ มันจะสั่งให้ตับอ่อนปล่อยอินซูลินออกมา “ก็ต่อเมื่อ” ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเท่านั้น! หมายความว่าตราบใดที่น้ำตาลไม่สูงเกินไป อินครีตินก็จะไม่ไปกระตุ้นอินซูลินมั่วซั่ว ทำให้ ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) น้อยลงมาก สรุปคือ อินครีตินไม่เพียงแต่ช่วยคุมน้ำตาลอย่างชาญฉลาด แต่ยังเป็น “สวิตช์” ปิดความอยากอาหารให้เรารู้สึกอิ่มโดยอัตโนมัตินั่นเอง 

GIP (Glucose-dependent Insulinotropic Polypeptide) : “ผู้ช่วยด่วนจี๋” จัดการพลังงานและบทบาทในการ ลดความอยากอาหาร 

ลองนึกภาพว่า GIP คือ “นักวิ่งสปรินต์” แห่งโลกฮอร์โมน ถูกผลิตขึ้นจากเซลล์ K-cell ในลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งเป็นบริเวณที่อาหารเพิ่งเดินทางลงมาถึง และทำงานอย่างรวดเร็วทันทีหลังมื้ออาหาร โดยเฉพาะมื้อที่มีคาร์โบไฮเดรตหรือไขมันสูง ซึ่งมีหน้าที่ดังนี้ 

  • กระตุ้นอินซูลินแบบรวดเร็ว: GIP เป็นตัวกระตุ้นหลักที่ส่งสัญญาณให้ตับอ่อนปล่อยอินซูลินอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมพร้อมและลดระดับน้ำตาลในเลือดที่กำลังจะพุ่งสูงขึ้น 
  • การจัดการไขมัน: GIP มีบทบาทสำคัญในการส่งสัญญาณไปยังเซลล์ไขมัน (Adipocytes) ให้รับและจัดการกับไขมันจากอาหารที่เพิ่งกินเข้าไป 
  • การทำงานในสมอง (ที่ซับซ้อน): แม้ว่าบทบาทในการ ลดความอยากอาหาร โดยตรงจะไม่ชัดเจนเท่า GLP-1 แต่ GIP ก็มีตัวรับในสมอง และถูกศึกษาว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรู้สึกอิ่ม และการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลินหรือโรคอ้วน การตอบสนองของ GIP ในบางคนอาจลดลง ทำให้ประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานและส่งสัญญาณอิ่มเพื่อลดความอยากอาหารลดลง 

สรุปว่า GIP เหมือนเพื่อนที่วิ่งมาบอกว่า “น้ำตาลมาแล้ว! รีบจัดการด่วน!” เน้นที่ความเร็วและการจัดการกับน้ำตาลและไขมันในช่วงแรก และมีส่วนเสริมในการลดความอยากอาหาร ด้วยการส่งสัญญาณอิ่ม 

GLP-1 (Glucagon-like Peptide-1): “นักวิ่งมาราธอน” แห่งการอิ่มยาวนานและกุญแจสำคัญสู่การ ลดความอยากอาหาร 

ในทางตรงกันข้าม GLP-1 คือ “นักวิ่งมาราธอน” ที่ทำงานช้ากว่า แต่ผลลัพธ์ยาวนานและทรงพลังกว่าในแง่ของการควบคุมความหิวและลดความอยากอาหาร  ถูกผลิตจากเซลล์ L-cell ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในลำไส้เล็กส่วนล่างและลำไส้ใหญ่ ทำให้การหลั่งฮอร์โมนตัวนี้จะเกิดขึ้นช้ากว่า GIP เล็กน้อย (หลายนาทีถึงชั่วโมง) และคงอยู่ในกระแสเลือดได้นานกว่า ซึ่งทำหน้าที่ดังนี้ 

  • ชะลอการเคลื่อนที่ของอาหาร (Gastric Emptying): นี่คือหัวใจสำคัญของการลดความอยากอาหาร GLP-1 ชะลออัตราการเคลื่อนที่ของอาหารจากกระเพาะไปยังลำไส้เล็ก ทำให้เรารู้สึก “แน่นท้อง” และอิ่มนานขึ้น อาหารจะถูกย่อยและดูดซึมช้าลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงปรี๊ด 
  • สัญญาณไปยังสมอง: GLP-1 เดินทางไปยังศูนย์ควบคุมความอิ่มในสมอง (เช่น Hypothalamus) เพื่อส่งสัญญาณโดยตรงว่า “พอแล้ว” หรือ “อิ่มแล้ว” ซึ่งเป็นการลดความอยากอาหาร และลดความรู้สึกหิวโหยลงอย่างชัดเจน 
  • กระตุ้นอินซูลินและยับยั้งกลูคากอน: เช่นเดียวกับ GIP, GLP-1 กระตุ้นอินซูลิน และมีบทบาทสำคัญในการยับยั้งการหลั่งกลูคากอน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด การรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ก็เป็นส่วนช่วยในการลดความอยากอาหาร ที่ผิดปกติ 

สรุปคือ GLP-1 เหมือนเพื่อนที่นั่งลงข้าง ๆ และบอกว่า “กินอิ่มแล้วนะ ค่อย ๆ ย่อยไป ไม่ต้องรีบหิว” เน้นการชะลอการย่อยและส่งสัญญาณความอิ่มไปสมอง เพื่อลดความอยากอาหารนั่นเอง 

2 โปรแกรมตัวช่วย ลดความอยากอาหาร จาก S’RENE by SLC  

เมื่อ “ทีมคู่หู GIP และ GLP-1” ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพ และจัดการกับน้ำหนัก เนื่องด้วยคุณสมบัติอันทรงพลังในการลดความอยากอาหาร ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาสารเลียนแบบฮอร์โมนเหล่านี้ เพื่อใช้ในทางการแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะเบาหวานประเภท 2 และผู้ที่ต้องการควบคุมพลังงานที่รับเข้าสู่ร่างกาย รวมไปถึงผู้ที่ต้องจัดการน้ำหนัก ดูแลรูปร่าง และ ลดความอยากอาหาร  

โปรแกรม Hunger ResetWeGo

โปรแกรมลดความอยากอาหาร WeGo แบบรายสัปดาห์ จะมีการใช้เปปไทด์ที่เลียนแบบการทำงานของ GLP-1 อย่างเดียว ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ กลไกหลักในการช่วยชะลอการย่อยอาหาร และการส่งสัญญาณลดความอยากอาหาร ไปยังสมอง ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้ใช้อาจรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนานขึ้น ทำให้ปริมาณอาหารที่รับเข้าร่างกายลดลง 

โปรแกรม Hunger Reset – Mounja

สำหรับโปรแกรมลดความอยากอาหาร Mounja แบบรายสัปดาห์ อีกหนึ่งตัวนี้ คือ การนำ “ทีมคู่หู” มาทำงานร่วมกัน ด้วยเปปไทด์ที่เลียนแบบทั้ง GIP และ GLP-1 ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการระดับน้ำตาลและพลังงานที่รับเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น รวมถึงการ ลดความอยากอาหาร เนื่องจาก 

  • GIP เข้ามาช่วยจัดการกับน้ำตาลและไขมันอย่างรวดเร็ว 
  • GLP-1 เข้ามาเสริมในการลดความอยากอาหาร และชะลอการย่อยอาหาร 

การทำงานร่วมกันของทั้ง GIP และ GLP-1 ทำให้การจัดการระดับน้ำตาล และกลไกการลดความอยากอาหาร อาจทำงานได้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพกว่าการทำงานเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง 

*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมถึงการปรับพฤติกรรมการกิน ไลฟ์สไตล์ และการออกกำลังกาย 

 

บทสรุปในการ ลดความอยากอาหาร กุญแจสู่ความเข้าใจในการจัดการน้ำหนักอย่างยั่งยืน 

การเข้าใจบทบาทของฮอร์โมน GIP และ GLP-1 ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เห็นภาพกลไกของร่างกายในการควบคุมความอยากอาหารและพลังงานได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพด้วยวิถีที่ยั่งยืน สิ่งสำคัญคือการใส่ใจพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน การเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง โปรตีนคุณภาพดี และไขมันดี จะช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้รู้สึกอิ่มง่าย อิ่มนาน และลดความอยากอาหารได้ต่อเนื่อง รวมไปถึงการออกกำลังกาย คือหัวใจสำคัญของการจัดการและลดความอยากอาหาร 

ในกรณีที่สนใจใช้โปรแกรม ลดความอยากอาหาร หรือการใช้เปปไทด์ GIP และ GLP-1 การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งที่จำเป็น แพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยด้านสุขภาพ เช่น ภาวะเบาหวาน ความต้องการในการควบคุมปริมาณอาหาร และความเหมาะสมต่อผลข้างเคียง เพื่อแนะนำแนวทางที่ถูกต้อง เหมาะกับร่างกายของคน ๆ นั้น และได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างยั่งยืน 

*คำเตือน: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ หากมีความสนใจใช้โปรแกรมเพื่อลดความอยากอาหาร หรือ รับบริการลดน้ำหนัก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทุกครั้ง 

 

ติดต่อ S’RENE by SLC วันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาจากแพทย์ได้เลย  

  • สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237  
  • สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร  099 807 7261  
  • สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร  081 249 7055  
  • สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669  
  • สาขา สยาม  – โทร 064 139 6390 และ 081 249 6392 

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่