โรคอ้วนและน้ำหนักเกินเป็นปัญหาสุขภาพที่ทวีความรุนแรงในสังคมปัจจุบัน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงมากมาย การกลืนบอลลูนเป็นนวัตกรรมการลดน้ำหนักที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ วันนี้ S’RENE by SLC ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการกลืนบอลลูน ขั้นตอน และประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากวิธีการนี้อย่างครบถ้วน
กลืนบอลลูนในกระเพาะอาหารคืออะไร
การกลืนบอลลูน (Gastric Balloon) คือ วิธีการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการใส่บอลลูนที่ทำจากซิลิโคนลงในกระเพาะอาหาร บอลลูนจะถูกเติมด้วยน้ำเกลือเพื่อขยายตัวและทำให้กระเพาะมีพื้นที่น้อยลง ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและทานอาหารได้น้อยลง วิธีนี้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินและไม่ประสบความสำเร็จกับการควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีทั่วไป เช่น การควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย
หลักการทำงานของการกลืนบอลลูน
การกลืนบอลลูนมีหลักการทำงานโดยใช้หลักการเติมเต็มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร บอลลูนซิลิโคนที่ถูกวางในกระเพาะจะถูกเติมด้วยน้ำเกลือจนมีขนาดประมาณ 400-700 มิลลิลิตร ทำให้ปริมาตรในกระเพาะลดลง เมื่อรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย ก็จะรู้สึกอิ่มได้เร็วกว่าปกติ
นอกจากนี้ บอลลูนกระเพาะอาหารยังช่วยชะลอการย่อยและการเคลื่อนตัวของอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มยาวนานขึ้น ส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลงโดยธรรมชาติ เป็นการช่วยให้ร่างกายปรับตัวกับปริมาณอาหารที่ลดลงและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การกลืนบอลลูนเหมาะกับใครบ้าง
การกลืนบอลลูนเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแต่ไม่ต้องการวิธีการผ่าตัด หรือไม่สามารถควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีการทั่วไปได้ โดยเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังนี้
- ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 27-40
- ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเกินกว่าจะทำการผ่าตัดลดความอ้วน
- ผู้ที่ต้องการทางเลือกในการควบคุมน้ำหนักชั่วคราว
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับภาวะน้ำหนักเกิน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ใครที่ไม่เหมาะกับการกลืนบอลลูน
แม้ว่าการกลืนบอลลูนจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัย แต่ก็ไม่เหมาะกับทุกคน โดยผู้ที่ควรเลี่ยงการกลืนบอลลูนมีดังนี้
- ผู้ที่เคยผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือลำไส้มาก่อน
- ผู้ที่มีโรคกระเพาะอาหารหรือลำไส้อักเสบรุนแรง
- ผู้ที่มีแผลในกระเพาะหรือลำไส้
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคตับหรือไตในระยะรุนแรง
- ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
- ผู้ที่แพ้ซิลิโคนหรือวัสดุที่ใช้ทำบอลลูน
ประโยชน์ของการกลืนบอลลูนลงกระเพาะอาหาร
การกลืนบอลลูนเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและมีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับวิธีการผ่าตัดหรือวิธีการอื่น ๆ ประโยชน์ที่สำคัญของวิธีการนี้มีดังต่อไปนี้:
- ไม่ต้องผ่าตัด – การกลืนบอลลูนเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้มีความเสี่ยงน้อยกว่าและฟื้นตัวได้เร็วกว่า ไม่มีแผลและไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน
- ผลลัพธ์รวดเร็ว – ผู้ที่กลืนบอลลูนสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่าวิธีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายทั่วไป โดยสามารถลดน้ำหนักได้ 10-15% ของน้ำหนักตัวภายใน 6 เดือน
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน – บอลลูนช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารในระยะยาว ทำให้มีโอกาสรักษาน้ำหนักที่ลดลงได้แม้หลังจากนำบอลลูนออกแล้ว
- ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน – หลังจากกลืนบอลลูนและผ่านช่วงปรับตัว 2-3 วันแรก ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ผลข้างเคียงน้อยและชั่วคราว – ผลข้างเคียงที่พบส่วนใหญ่จะหายไปภายในไม่กี่วันหลังจากการใส่บอลลูน เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว
ขั้นตอนการกลืนบอลลูน
การเตรียมตัวและทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ของการกลืนบอลลูนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจวิธีการนี้ การทราบถึงกระบวนการทั้งหมดจะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมและลดความวิตกกังวล
การเตรียมตัวก่อนการกลืนบอลลูน
ก่อนเข้ารับการกลืนบอลลูน ผู้รับบริการจำเป็นต้องผ่านการตรวจร่างกายและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทั้งหมด การเตรียมตัวอย่างเหมาะสมจะช่วยให้หัตถการดำเนินไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- การตรวจสุขภาพทั่วไป – ผู้รับบริการจะได้รับการตรวจร่างกายโดยละเอียดเพื่อประเมินความเหมาะสมในการกลืนบอลลูน
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ – ตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของตับ ไต และระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
- การงดอาหารและน้ำ – ผู้รับบริการต้องงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงก่อนการหัตถการ
- การหยุดยาบางประเภท – ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด อาจต้องหยุดรับประทานชั่วคราวตามคำแนะนำของแพทย์
- การเตรียมจิตใจ – ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการ ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อลดความวิตกกังวล
ขั้นตอนการกลืนบอลลูนในกระเพาะอาหาร
การกลืนบอลลูนเป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปประมาณ 15 นาที ขั้นตอนหลักของการใส่บอลลูนมีดังนี้
- การใส่บอลลูน – ทำการกลืนแคปซูลที่มีบอลลูนซิลิโคนที่ยังไม่ได้ขยายตัว โดยจะถูกใส่ผ่านทางปากและหลอดอาหารลงไปในกระเพาะอาหาร พร้อมกับจิบน้ำ ซึ่งแพทย์จะสอนและช่วยในการกลืนบอลลูน
- การเติมน้ำเกลือ – เมื่อบอลลูนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว แพทย์จะเติมน้ำเกลือประมาณ 400-700 มิลลิลิตรเพื่อให้บอลลูนขยายตัวในขนาดที่เหมาะสม และ X-RAY เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของบอลลูนให้เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน
- แพทย์นำอุปกรณ์ช่วยใส่บอลลูนออก: หลังจากที่เติมน้ำเกลือเต็มบอลลูน แพทย์จะทำการดึงเอาสายเติมน้ำออกมา ก็จะเป็นการเสร็จสิ้นการกลืนบอลลูน
การดูแลตัวเองหลังการกลืนบอลลูน
หลังกลืนบอลลูน การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ร่างกายปรับตัวกับบอลลูนได้อย่างราบรื่น:
- 3 วันแรก – รับประทานอาหารเหลวเท่านั้น เช่น น้ำซุป น้ำผลไม้ไม่มีกาก และน้ำเปล่า ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5-2 ลิตรต่อวัน
- 1 สัปดาห์แรก – ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นอาหารอ่อนที่บดละเอียด เช่น โจ๊ก ซุปข้น ทานในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง (5-6 มื้อต่อวัน)
- สัปดาห์ที่ 2-3 – เริ่มรับประทานอาหารอ่อนปกติ เช่น ปลานึ่ง ไข่ตุ๋น ผักต้ม ในปริมาณน้อย
- 3 เดือนแรก – หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด และอาหารที่มีกากใยสูง
- 6 เดือนแรก – ควรมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลและประเมินการลดน้ำหนัก เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างถาวร
หลังกลืนบอลลูนลงกระเพาะอาหารทานอะไรได้บ้าง
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมหลังกลืนบอลลูนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการลดน้ำหนักและการลดอาการไม่สบายที่อาจเกิดขึ้น ร่างกายต้องการเวลาในการปรับตัวกับการมีบอลลูนในกระเพาะอาหาร ดังนั้นการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนลักษณะอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ระยะเวลา | อาหารที่แนะนำ | ปริมาณและความถี่ |
สัปดาห์ที่ 1 | น้ำซุปใส, น้ำผลไม้ไม่มีกาก, เจลาติน, นมพร่องมันเนย, โปรตีนเชค | 5-6 มื้อเล็ก ๆ, 30-60 มล. ต่อมื้อ |
สัปดาห์ที่ 2 | โจ๊กเนื้อเปื่อย, ซุปข้น, ไข่ตุ๋น, โยเกิร์ตไม่มีน้ำตาล, มันฝรั่งบด | 5 มื้อเล็ก ๆ, 60-90 มล. ต่อมื้อ |
สัปดาห์ที่ 3 | อาหารบดละเอียด, ปลานึ่ง, อกไก่ต้ม, ผักต้มสุก, ข้าวต้ม | 4 มื้อ, 90-120 มล. ต่อมื้อ |
สัปดาห์ที่ 4 เป็นต้นไป | อาหารปกติที่มีโปรตีนสูง, ผัก, ผลไม้, คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ข้าวกล้อง) | 3 มื้อหลัก, 1-2 มื้อว่าง, ½ ถ้วยต่อมื้อ |
อาหารที่ควรงดหลังกลืนบอลลูนกระเพาะอาหาร
- อาหารรสจัด – เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือมีรสเค็มมาก อาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีคาร์บอเนต – ทำให้เกิดแก๊สและอาการท้องอืด
- อาหารที่มีเส้นใยสูงเกินไป – อาจย่อยยากและอาจติดค้างกับบอลลูน
- อาหารทอดหรือมีไขมันสูง – ย่อยยากและอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้
- แอลกอฮอล์ – ระคายเคืองกระเพาะและอาจทำปฏิกิริยากับบอลลูน
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง – ขัดขวางการลดน้ำหนักและอาจทำให้น้ำตาลในเลือดผันผวน
- ของว่างขบเคี้ยว – ชิปส์ ขนมกรุบกรอบ ซึ่งมีแคลอรีสูงแต่คุณค่าทางโภชนาการต่ำ
ข้อดีและข้อจำกัดของการกลืนบอลลูน
การพิจารณากลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักจำเป็นต้องเข้าใจทั้งข้อดีและข้อจำกัดของวิธีการนี้ การรับรู้ข้อมูลทั้งสองด้านจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมว่าวิธีการนี้เหมาะกับความต้องการและสภาพร่างกายของคุณหรือไม่
ข้อดีของการกลืนบอลลูน
การกลืนบอลลูนมีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับวิธีการลดน้ำหนักแบบอื่น ๆ โดยเฉพาะการผ่าตัด ข้อดีเหล่านี้ทำให้วิธีการนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ:
- ไม่ต้องผ่าตัด – เป็นหัตถการที่ไม่รุกล้ำและไม่มีแผล ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัด
- ใช้เวลาน้อย – กระบวนการใส่บอลลูนใช้เวลาเพียง 15 นาที และไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
- ถอดออกได้ – สามารถถอดออกได้หากมีปัญหาหรือเมื่อครบกำหนดระยะเวลา (ประมาณ 90 วัน)
- ความเสี่ยงต่ำ – มีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัด
- ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ – สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉลี่ย 10-15% ของน้ำหนักตัวในระยะเวลา 6 เดือน
ข้อจำกัดและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แม้ว่าการกลืนบอลลูนจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดและผลข้างเคียงที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ การเข้าใจถึงความเสี่ยงและข้อจำกัดจะช่วยให้คุณมีความคาดหวังที่สมจริงและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น:
- อาการคลื่นไส้ – ผู้รับบริการอาจรู้สึกคลื่นไส้ในช่วง 2-3 วันแรกหลังใส่บอลลูน
- ความรู้สึกอึดอัด – บางคนอาจรู้สึกอึดอัดในช่องท้องโดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร
- กรดไหลย้อน – บางรายอาจมีอาการกรดไหลย้อนหรือแสบร้อนกลางอก
- ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน – ต้องปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างมีวินัย
- การกลับมาของน้ำหนัก – หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายอย่างถาวร น้ำหนักอาจกลับมาหลังถอดบอลลูน
- การรั่วของบอลลูน – ในกรณีที่พบน้อยมาก บอลลูนอาจรั่วหรือแตกได้
- การอุดตันทางเดินอาหาร – อาจเกิดการอุดตันทางเดินอาหารหากรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม
กลืนบอลลูนในกระเพาะอาหารกับ S’RENE by SLC ราคาเท่าไร
การกลืนบอลลูนเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในระยะยาว ที่ S’RENE by SLC เรามีโปรแกรมการกลืนบอลลูนที่สอดคล้องกับปัญหาน้ำหนักตัวเฉพาะบุคคล พร้อมดูแลคุณตั้งแต่การปรึกษาจนถึงการดูแลหลังการใส่บอลลูน โดยมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 165,000 บาท (เคสรีวิว) ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจและระยะเวลาการดูแลที่คุณเลือก
สรุปเกี่ยวกับการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก
การกลืนบอลลูนเป็นนวัตกรรมการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยกว่าการผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินและไม่ประสบความสำเร็จกับวิธีการทั่วไป การเข้าใจถึงขั้นตอน การเตรียมตัว และการดูแลตนเองหลังกลืนบอลลูนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากคุณสนใจการลดน้ำหนักด้วยบอลลูนกระเพาะอาหาร S’RENE by SLC พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณตลอดกระบวนการ ด้วยทีมแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
S’RENE by SLC พร้อมเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพและการดูแลน้ำหนัก ให้ทุกคนมีสุขภาพดีและความมั่นใจที่ยั่งยืน สามารถรับคำแนะนำด้านสุขภาพที่แม่นยำ และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันได้ที่ S’RENE by SLC สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่
▪️ สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
▪️ สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
▪️ สาขา สยาม – โทร 064 139 6390 และ 081-249-6392
สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่