ข่าวการพบแคดเมียมสารพิษโลหะหนักจำนวนมากก็ทำให้หลายคนเกิดความวิตกกังวลว่าถ้าสูดดมเข้าไปจะเป็นอันตราย แต่เรามีการล้างสารพิษเหล่านี้ด้วยวิธีการทางแพทย์
ช็อค! พบแคดเมียม 15,000 ตัน สารพิษโลหะหนัก ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ใครจะไปคิดว่าแค่ตื่นมาก็เจอสารพิษแล้ว บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันเวอร์ไปหรือเปล่า แต่ความจริงเราเจอสารพิษโลหะหนักกันได้ตั้งแต่ตื่นเลย ยกตัวอย่างง่ายๆ เครื่องสำอางที่ใช้แต่งหน้ากันอยู่ทุกวันอาจมีสารพิษโลหะหนักสะสมอยู่ ฝุ่น PM 2.5 ที่บอกเลยว่าปีนี้ท็อปฟอร์มมาก หรือจะเป็นการทำเล็บ ทำสีผมก็มีโอกาสที่จะสะสมสารพิษ สารเคมี รวมไปถึงอาหารบางอย่างก็มีโลหะหนักปนเปื้อนได้ ซึ่งในแต่ละครั้งเราไม่ได้พบสารพิษในปริมาณที่มาก แต่ถ้าทำทุกอย่างทุกวันติดต่อกันนานๆ ก็ทำให้ร่างกายสะสมสารพิษโลหะหนักไปแบบไม่รู้ตัว
และเมื่อเร็วๆ นี้เราก็ต้องได้ยินข่าวการพบแคดเมียมจำนวน 15,000 ตัน ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเจ้าแคดเมียมนี่คือแร่โลหะหนักชนิดหนึ่ง!! ไม่มีกลิ่น มักจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลายด้าน โดยแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางระบบหายใจและระบบทางเดินอาหาร เข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิตจนสุดท้ายเข้าไปสะสมในตับและไต ซึ่งแคดเมียมจะถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่กระบวนการขับแคดเมียมออกจากไตต้องใช้เวลาถึงประมาณ 20 ปี และยังขับออกได้แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ผู้ที่ได้รับแคดเมียมเรื้อรัง จึงมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งปอด
โลหะหนัก คืออะไร
โลหะหนัก คือ ธาตุที่มีความหนาแน่นสูง มีคุณสมบัติถ่วงที่มากกว่าน้ำถึง 5 เท่า สลายตัวช้า พบได้ตามธรรมชาติในสิ่งแวดล้อม และจากพฤติกรรมของมนุษย์ โดยร่างกายเราสามารถซึบซับเอาโลหะหนักพวกนี้เข้าสู่ร่างกายได้หลายสาเหตุ อาทิ อาหาร ภาชนะบรรจุอาหาร มลภาวะทางอากาศหรือทางน้ำ การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งพิษจากโลหะหนักจะส่งผลกระทบโดยตรงได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
โลหะหนักใกล้ตัวที่พบได้ มีอะไรบ้าง
- ตะกั่ว พบได้ในภาชนะที่เชื่อมด้วยตะกั่ว เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยว และพวกแบตเตอรี่ น้ำมันเบนซิน รวมไปถึงของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม
- ปรอท พบได้ในหลอดไฟฟลูออเรสเซนซ์ ปลาทะเลบางชนิด และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- สารหนู พบในน้ำบาดาล ยาฆ่าแมลงในการเกษตร และอาหารทะเลบางชนิด
- สังกะสี พบได้ในอาหารกระป๋อง ภาชนะที่เคลือบสังกะสี
- แคดเมียม พบได้ในอากาศ แหล่งน้ำ แหล่งดิน
อาการของการมีโลหะหนักในร่างกาย
อาการจะขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะหนัก แต่ส่วนใหญ่จะแบ่งอาการเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- อาการระยะสั้น หมายถึง การรับโลหะหนักเข้าไปปริมาณมากในครั้งเดียว ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการมึนงง ตัวชา อาเจียน ไปจนถึงขั้นหมดสติและเกิดโคม่าได้
- อาการระยะยาว หมายถึง การรับโลหะหนักเข้าไปปริมาณเล็กน้อย แต่ได้รับเป็นระยะเวลานาน อาการที่ส่งผลคือ รู้สึกเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ ท้องผูก ระบบขับถ่ายผิดปกติ
ล้างสารพิษ โลหะหนัก อันตรายที่อยู่รอบตัว
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้หลายคนต้องเริ่มเครียดและเกิดความระแวงอย่างแน่นอน เพราะการใช้ชีวิตในทุกวันนี้ดูเหมือนว่าเราหลีกเลี่ยงโลหะหนักเหล่านี้ไม่ได้เลย มันรายล้อมอยู่รอบตัวเราแบบที่เราก็ไม่คาดคิด แต่ช้าก่อนทุกคนอย่าเพิ่งถอดใจ เรายังมีความหวัง จากที่แอดได้บอกไปว่า กว่าที่โลหะหนักจะถูกขับออกต้องใช้เวลา 20 ปี แต่เรามีทางลัดนั่นก็คือ การล้างสารพิษ!! หรือเรียกว่า IV Chelation หรือ Chelation therapy
IV Chelation หรือ Chelation therapy คืออะไร
วิธีทางการแพทย์เพื่อการล้างสารพิษในร่างกาย เป็นการกำจัดหรือล้างพิษโลหะหนัก โดยการให้สารทางหลอดเลือดหรือเรียกว่า IV Drip ทำการจับโมเลกุลของสารพิษโลหะหนักที่สะสมภายในหลอดเลือดแล้วให้ร่างกายขับออกมาทางปัสสาวะ
IV Chelation หรือ Chelation therapy เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่ใช้ชีวิตในเมือง มีไลฟ์สไตล์เสี่ยงต่อการสะสมสารพิษ
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด
- ผู้ที่มีไขมันในเส้นเลือดสูง
- ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ
- ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่ทำบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทำบายพาสมาแล้ว
- ผู้ที่ตรวจพบสารพิษหรือโลหะหนักสะสมในร่างกาย
- ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตัวเองจากโรคต่างๆ
IV Chelation หรือ Chelation therapy ช่วยเรื่องอะไร
- ลดการสะสมของสารพิษและโลหะหนัก
- ลดการอุดตันในหลอดเลือดทั้งในสมองและหัวใจ
- ลดความดันโลหิต
- ลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือด
- ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
- ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น
- กระตุ้นการทำงานของเส้นเลือดที่ปลายแขนและปลายขา
- ช่วยบรรเทาอาการอัลไซเมอร์ ช่วยให้สมองแจ่มใส
- ลดอาการโรคภูมิแพ้
IV Chelation หรือ Chelation therapy ต้องทำบ่อยแค่ไหน
สามารถทำได้ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และขึ้นอยู่กับอาการและผลตรวจร่างกายของแต่ละบุคคล ทั้งนี้สามารถทำต่อเนื่องได้ตั้งแต่ 5-10 ครั้ง
อาการหลังทำ IV Chelation หรือ Chelation therapy
หลังทำครั้งแรกอาจจะมีอาการอ่อนเพลียได้ หรือบางครั้งในช่วงแรกๆ จะรู้สึกว่ามีอาการมึนศีรษะหรืออ่อนเพลีย จากการที่ร่างกายมีการพยายามขับสารพิษ
IV Chelation หรือ Chelation therapy ไม่อันตรายจริงไหม
การทำ IV Chelation เป็นการล้างสารพิษทางหลอดเลือดที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และในการทำจะต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจวิเคราะห์และซักประวัติอย่างแน่ชัดก่อนทุกครั้ง จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่อันตราย
เมื่อรู้จัก IV Chelation การล้างสารพิษในหลอดเลือดแล้ว ที่แอดบอกว่าเรามีความหวัง คือมีความหวังจริงๆ ในทุกๆ วันที่เราออกไปใช้ชีวิตเราไม่มีทางรู้เลยว่าเราต้องเผชิญกับโลหะหนักหรือสารพิษมากน้อยแค่ไหน แต่การทำ IV Chelation คือตัวช่วยทางการแพทย์ชั้นเยี่ยมตัวหนึ่งเลย
โปรแกรมล้างสารพิษในหลอดเลือด Chelation therapy ราคา 8,900.-/ครั้ง
สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่