ฮอร์โมนความเครียด: ภัยเงียบที่บั่นทอนสุขภาพคนเมือง
ชีวิตของคนเมืองทุกวันนี้เต็มไปด้วยความกดดันหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่แข่งขันสูง การจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน หรือความวิตกกังวลในเรื่องค่าครองชีพ สถานการณ์เหล่านี้ทำให้ร่างกายต้องหลั่ง ฮอร์โมนความเครียด อย่างต่อเนื่อง หลายคนอาจไม่ตระหนักว่าความเครียดสะสมไม่เพียงกระทบจิตใจเท่านั้น แต่ยังทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเสียสมดุล นำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ในระยะยาว
ร่างกายตอบสนองอย่างไรเมื่อเผชิญความเครียด
เมื่อเราเผชิญสถานการณ์ที่กดดัน ร่างกายจะตอบสนองด้วยการหลั่งฮอร์โมนสำคัญสองชนิด:
- คอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่รู้จักกันว่าเป็นฮอร์โมนความเครียดหลัก ผลิตจากต่อมหมวกไตส่วนนอก ตามธรรมชาติคอร์ติซอลจะสูงในตอนเช้าเพื่อปลุกร่างกายให้ตื่นตัว และจะค่อยๆ ลดลงในช่วงค่ำ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมพักผ่อน
- ดีเอชอีเอ (DHEAs) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยต้านความเครียด ผลิตจากต่อมหมวกไตเช่นเดียวกัน มีหน้าที่สร้างสมดุลกับคอร์ติซอล และยังเป็นสารตั้งต้นสำหรับการสร้างฮอร์โมนเพศทั้งชายและหญิง
การหลั่งฮอร์โมนความเครียดเป็นกลไกป้องกันตัวตามธรรมชาติ แต่ปัญหาเกิดเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเครียดต่อเนื่อง ทำให้มีการหลั่งคอร์ติซอลมากเกินไป ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลและกระทบต่อสุขภาพในหลายระบบ
อันตรายเมื่อ ฮอร์โมนความเครียด เสียสมดุล
ความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานทำให้ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างคอร์ติซอลและดีเอชอีเอ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพในหลายด้าน ดังนี้:
ระบบเผาผลาญผิดปกติ
เมื่อเครียด ร่างกายจะสั่งให้ตับปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น เพื่อเตรียมพลังงานรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เมื่อเกิดขึ้นบ่อยๆ จะทำให้เสี่ยงต่อภาวะดื้ออินซูลินและเบาหวานในที่สุด
น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
คอร์ติซอลที่สูงเกินไปทำให้ร่างกายสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากขึ้น แม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ความเครียดยังทำให้อยากอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมากเป็นพิเศษ
ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
เมื่อมีคอร์ติซอลสูงเป็นเวลานาน ระบบภูมิคุ้มกันจะถูกกดการทำงาน ทำให้ร่างกายติดเชื้อง่ายและหายช้า ขณะเดียวกัน กลับกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกาย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเรื้อรังหลายชนิด
นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ
ตามธรรมชาติ คอร์ติซอลควรลดต่ำลงในเวลากลางคืน แต่เมื่อเครียดมาก ระดับคอร์ติซอลยังคงสูงแม้ในยามค่ำคืน ทำให้นอนยาก หลับๆ ตื่นๆ หรือตื่นเช้ามากผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายไม่ได้ซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่
หัวใจและหลอดเลือดตึงเครียด
ความเครียดที่สะสมนานวันเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ เพราะฮอร์โมนความเครียดทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หลอดเลือดหดตัว และเกิดภาวะอักเสบเรื้อรังในระบบหลอดเลือด
สัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งมาเมื่อฮอร์โมนความเครียดไม่สมดุล
ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อฮอร์โมนและความเครียดเสียสมดุล หากพบอาการต่อไปนี้หลายข้อ ควรใส่ใจและพิจารณาตรวจสุขภาพ:
ความผิดปกติทางร่างกาย
- รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แม้จะนอนเต็มที่แล้วก็ตาม ออกกำลังกายแล้วฟื้นตัวช้ากว่าปกติ
- นอนไม่หลับทั้งที่ร่างกายเหนื่อยมาก หรือหลับแล้วตื่นกลางดึกโดยไม่สามารถหลับต่อได้
- หิวของหวานหรืออาหารเค็มจัดผิดปกติ มักเกิดในช่วงบ่ายแก่หรือกลางคืน
- มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย หรือท้องผูกสลับท้องเสีย
- ภูมิแพ้กำเริบบ่อยขึ้น หรือเจ็บป่วยง่ายกว่าเดิม เมื่อป่วยแล้วหายช้ากว่าที่เคยเป็น
อารมณ์และสภาพจิตใจแปรปรวน
- หงุดหงิดบ่อย อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หรือรู้สึกวิตกกังวลโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
- ความจำแย่ลง ลืมง่าย จดจ่อกับงานได้ไม่นาน หรือคิดอะไรซับซ้อนไม่ค่อยได้
- ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีแรงจูงใจ แม้แต่กับสิ่งที่เคยชื่นชอบ
ร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสังเกต
- พุงยื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่การกินและการออกกำลังกายยังเหมือนเดิม
- ความดันโลหิตสูงขึ้น หรือน้ำตาลในเลือดผิดปกติ ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน
- ผิวพรรณดูหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยเร็วกว่าอายุจริง หรือมีผื่นแพ้ผุดขึ้นบ่อยๆ
หากมีอาการเหล่านี้ตั้งแต่ 4 ข้อขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมนและประเมินความเครียด จะได้แก้ไขได้ถูกจุดและทันท่วงที
การตรวจฮอร์โมนความเครียด: ก้าวแรกสู่การฟื้นฟู
การตรวจวัดระดับ ฮอร์โมนความเครียด เป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินสุขภาพเชิงป้องกัน โดยเฉพาะสำหรับคนเมืองที่ต้องเผชิญกับความเครียดในชีวิตประจำวัน การเข้าใจสมดุลฮอร์โมนในร่างกายจะช่วยให้สามารถวางแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างตรงจุด
โปรแกรม Preventive Check Up ตรวจสุขภาพเชิงป้องกันที่ S’RENE by SLC มีการตรวจวัดค่าพื้นฐานสำคัญ 16 รายการ ครอบคลุมการประเมินการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ จากนั้นแพทย์จะวิเคราะห์ผลตรวจร่วมกับประวัติสุขภาพและไลฟ์สไตล์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและให้คำแนะนำที่เหมาะสม
สำหรับผู้ที่ต้องการประเมินฮอร์โมนความเครียดอย่างเฉพาะเจาะจง สามารถเลือกโปรแกรมตรวจ Stress Hormone ซึ่งจะตรวจวัด:
- Cortisol – ประเมินระดับฮอร์โมนความเครียดหลักในร่างกาย
- DHEAs – ประเมินระดับฮอร์โมนต้านความเครียด
การตรวจทั้งสองค่านี้จะให้ภาพรวมของสมดุลฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินผลกระทบของความเครียดที่มีต่อร่างกาย
ยิ่งในการปรับสมดุลฮอร์โมน ควรฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียดอย่างสม่ำเสมอ เช่น:
- ฝึกการหายใจอย่างมีสติ เช่น การหายใจแบบ 4-7-8 (หายใจเข้า 4 วินาที กลั้นหายใจ 7 วินาที และหายใจออก 8 วินาที)
- ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ แม้เพียงวันละ 10-15 นาที
- หาเวลาผ่อนคลายทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรืองานอดิเรก
- ฝึกการจดบันทึกความรู้สึก เพื่อระบายความเครียดและจัดการอารมณ์
โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงป้องกันที่ S’RENE by SLC
การวัดระดับฮอร์โมนความเครียดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนยุคใหม่ โดยเฉพาะชาวกรุงที่ต้องเผชิญความกดดันรอบด้าน S’RENE by SLC มีโปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงป้องกันที่ครอบคลุมและตอบโจทย์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน ประกอบด้วยการตรวจค่าสำคัญถึง 16 รายการ ทั้งจากเลือดและปัสสาวะ ครอบคลุมการวิเคราะห์การทำงานของอวัยวะสำคัญทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตับ ไต ระบบเผาผลาญน้ำตาล และไขมันในเลือด
โปรแกรมตรวจ Stress Hormone ช่วยให้การประเมินสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยการตรวจวัดฮอร์โมนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความเครียด:
- ระดับคอร์ติซอล – ฮอร์โมนความเครียดหลักที่บ่งชี้ถึงภาวะความกดดันที่ร่างกายกำลังเผชิญ
- ระดับดีเอชอีเอ – ฮอร์โมนต้านความเครียดที่ช่วยสร้างสมดุลให้ร่างกาย
ผลการตรวจจะได้รับการวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน ซึ่งจะให้คำแนะนำในการปรับสมดุลฮอร์โมนและความเครียดที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
อย่าปล่อยให้ฮอร์โมนความเครียดไม่สมดุลส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่:
สาขาทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237
สาขาชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร 099 807 7261
สาขาพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
LINE: @SRENEbySLC หรือคลิก https://bit.ly/3IlXtvw
สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่