เรื่องน่ารู้

Blogs

“วันอ้วนโลก” วันที่สะท้อนถึงสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่

คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ วันอ้วนโลก” (World Obesity Day) หรือเปล่า? วันพิเศษที่ไม่ได้มีไว้เพื่อฉลองน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นวันที่ทั่วโลกตระหนักถึง ปัญหาโรคอ้วนและผลกระทบที่มาพร้อมกับมัน ซึ่งนับวันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับความสนใจมากขึ้น

แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าวันนี้เป็นแค่วันของคนที่มีน้ำหนักเกินเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้ว มันเกี่ยวข้องกับทุกคน ไม่ว่าคุณจะผอม หุ่นดี หรือกำลังพยายามลดน้ำหนัก ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคอ้วนได้!

วันอ้วนโลก คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?

วันอ้วนโลก (World Obesity Day) ถูกกำหนดขึ้นโดย World Obesity Federation และองค์กรสุขภาพระดับโลก เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาโรคอ้วน การป้องกัน และการให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของโรคอ้วนต่อสุขภาพ

โดยวันอ้วนโลกถูกกำหนดให้ตรงกับวันที่ 4 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับปัญหาน้ำหนักเกินและโรคอ้วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทำไมโรคอ้วนถึงเป็นเรื่องที่ต้องพูดถึง?

  • ปัจจุบัน มากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกเป็นโรคอ้วน
  • โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็งบางชนิด
  • เด็ก ๆ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนมากขึ้น เพราะไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป

โรคอ้วนเกิดจากอะไร? มาจากปัจจัยอะไรบ้าง?

การที่น้ำหนักเกินและสะสมจนกลายเป็นโรคอ้วน ไม่ได้เกิดจากการกินอาหารมากเกินไปเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น

1. การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล

  • อาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลเยอะ หรือผ่านกระบวนการมากเกินไป เป็นสาเหตุหลักของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
  • เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลม และกาแฟเย็นสุดหวาน ก็เป็นตัวการที่ทำให้แคลอรี่สะสมโดยไม่รู้ตัว

2. การเคลื่อนไหวร่างกายที่น้อยลง

  • วิถีชีวิตแบบ Sedentary Lifestyle หรือการใช้ชีวิตแบบนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง
  • การทำงานที่ต้องนั่งทั้งวันโดยไม่มีการเคลื่อนไหว ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ไขมันสะสมง่ายขึ้น

3. การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ

  • การนอนหลับน้อยกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อคืน สามารถส่งผลให้ ฮอร์โมนความหิว (Ghrelin) เพิ่มขึ้น และ ฮอร์โมนอิ่ม (Leptin) ลดลง ทำให้กินเยอะขึ้นโดยไม่รู้ตัว

4. ความเครียดและฮอร์โมนที่ไม่สมดุล

  • ความเครียดกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมัน โดยเฉพาะ ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
  • บางคนเมื่อเครียดมักเลือกใช้ “อาหาร” เป็นที่พึ่งทางอารมณ์ (Emotional Eating)

5. พันธุกรรมและปัจจัยทางชีวภาพ

  • ในบางกรณี โรคอ้วนสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเกิดจากความผิดปกติของระบบเผาผลาญ

 

โรคอ้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพยังไง?

  1. เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ไขมันสะสมในเส้นเลือด อาจทำให้เกิดโรคหัวใจ หลอดเลือดอุดตัน และภาวะหัวใจวาย
  1. เพิ่มโอกาสเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • คนอ้วนมีโอกาสเป็นเบาหวานสูงกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติหลายเท่า
  1. ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ
  • ภาวะไขมันสะสมในช่องท้องอาจทำให้การหายใจติดขัด และเสี่ยงต่อโรคหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
  1. มีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนและภาวะเจริญพันธุ์
  • ในผู้ชาย อาจส่งผลต่อฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง
  • ในผู้หญิง อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือเกิดภาวะมีบุตรยาก

 

วิธีป้องกันโรคอ้วนง่าย ๆ ที่คุณทำได้เลย!

การป้องกันโรคอ้วนไม่ใช่เรื่องยาก แค่ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้เหมาะสม ก็สามารถจัดการกับน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่ามีวิธีไหนที่ช่วยให้คุณรักษาหุ่น ดูแลความสวย และสุขภาพไปพร้อมกันได้บ้าง!

1. ปรับพฤติกรรมการกิน

  •  กินให้ครบ 5 หมู่ – เลือกอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีนไขมันต่ำ ธัญพืชเต็มเมล็ด
  • ลดน้ำตาลและไขมันทรานส์ – หลีกเลี่ยงของหวาน น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ และอาหารทอด
  • ควบคุมปริมาณอาหาร – ใช้จานเล็กลง ตักพอดีคำ และหลีกเลี่ยงการกินเร็วเกินไป
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ – ควรดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตร เพื่อลดความอยากอาหารและช่วยระบบเผาผลาญ

2. เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน

  • ออกกำลังกายเป็นประจำ – อย่างน้อยวันละ 30 นาที เช่น วิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ
  • หากทำงานออฟฟิศ ควรลุกเดินบ่อย ๆ – อย่านั่งทำงานตลอดวัน ลองลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายทุก ๆ 1 ชั่วโมง
  • เดินแทนการใช้ลิฟต์ – เปลี่ยนจากขึ้นลิฟต์เป็นขึ้นบันไดเพื่อเพิ่มการเผาผลาญ
  • ทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากขึ้น – เช่น ทำสวน ทำงานบ้าน หรือเล่นกีฬาที่ชอบ รวมถึงงานอดิเรกที่ได้ขยับตัว

3. นอนหลับให้เพียงพอ

  • นอนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน – การนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยควบคุมฮอร์โมนความหิวและลดการสะสมไขมัน
  • หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ก่อนนอน – แสงสีฟ้าจากหน้าจอทำให้ร่างกายหลั่งเมลาโทนินน้อยลง ทำให้นอนหลับยาก
  • ตั้งเวลานอนและตื่นให้เป็นเวลา – เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น

4. จัดการความเครียดให้ดี

  • ฝึกทำสมาธิและโยคะ – ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เกี่ยวข้องกับการสะสมไขมัน
  • หางานอดิเรกที่ทำให้ผ่อนคลาย – เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นดนตรี
  • หลีกเลี่ยงการกินตามอารมณ์ (Emotional Eating) – อย่าปล่อยให้ความเครียดทำให้คุณหันไปพึ่งของหวานและของกินที่ไม่มีประโยชน์

5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

  • เช็คน้ำหนักและค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ทุกเดือน – เพื่อติดตามแนวโน้มน้ำหนักของตัวเอง
  • ตรวจเช็ก BMR ช่วยให้คำนวณปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสมต่อวัน – หากกินมากเกิน BMR (Basal Metabolic Rate) หรืออัตราการเผาผลาญแคลอรี่ขั้นต่ำที่ร่างกายต้องใช้ในชีวิตประจำวัน บวกกับพลังงานที่ใช้ไปไม่มากพอ ก็ทำให้น้ำหนักอาจจะเพิ่มขึ้นได้
  • ตรวจระดับไขมันในเลือดและน้ำตาลในเลือด – เพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน เช่น เบาหวานและไขมันพอกตับ
  • ปรึกษาแพทย์ – ถ้าหากรู้สึกว่าจัดการกับน้ำหนักของตัวเองไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่อยู่ รวมถึงหากต้องการคำแนะนำในเรื่องการจัดการน้ำหนักที่ถูกต้องอาจจะต้องเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพ และวางแผนการดูแลสุขภาพกับโรคอ้วนให้ถูกวิธี แก้ที่ต้นเหตุ และหาตัวช่วยเพิ่มเติม

 

สรุปว่า วันอ้วนโลก ไม่ใช่แค่เรื่องของน้ำหนัก แต่เป็นเรื่องของสุขภาพที่ทุกคนต้องตระหนักถึง!

วันอ้วนโลก (World Obesity Day) เป็นวันที่เตือนให้เราหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพื่อลดน้ำหนัก แต่เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรค และมีชีวิตที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นได้จากตัวเราเอง ไม่ว่าคุณจะอยากลดน้ำหนักหรือแค่ต้องการรักษาสุขภาพให้ดีขึ้น เริ่มต้นวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น! 

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกในการดูแลสุขภาพ สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน เพื่อวางแผนและประเมินแนวทางในการดูแลสุขภาพรวมถึงโปรแกรมฟื้นฟูที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ที่ S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพสำหรับคนเมืองได้ทุกสาขา

▪️ สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 – โทร 064 184 5237

▪️ สาขา ชาน แจ้งวัฒนะ 14 ชั้น 2 – โทร  099 807 7261

▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร  081 249 7055

▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่