เรื่องน่ารู้

Blogs

Lipid Profile คืออะไร ทำความรู้จักกับการตรวจระดับไขมันเพื่อสุขภาพหัวใจที่ดี

ภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นภัยเงียบที่สามารถส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยไม่มีสัญญาณเตือนชัดเจน การตรวจ lipid profile จึงเป็นวิธีที่สำคัญและมีประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังความเสี่ยงนี้ล่วงหน้า

การตรวจ lipid profile คือการตรวจระดับไขมันในเลือด ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะที่เกี่ยวข้องกับการสะสมของไขมันในหลอดเลือด การตรวจนี้ช่วยให้เรารู้ถึงระดับไขมันแต่ละประเภทในร่างกาย เช่น Total Cholesterol, LDL (ไขมันเลว), HDL (ไขมันดี) และ Triglyceride ซึ่งแต่ละค่ามีผลต่อสุขภาพแตกต่างกัน การมีความรู้และเข้าใจค่าต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

การดูแลสุขภาพหัวใจเริ่มต้นได้จากการตรวจ Lipid Profile อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินว่าระดับไขมันในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยหรือไม่ และวางแผนการดูแลสุขภาพให้เหมาะสมที่สุด

ภาวะไขมันในเลือด คืออะไร? ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

ภาวะไขมันในเลือดสูง คือ ภาวะที่ระดับไขมันในเลือดอย่างเช่นคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูงเกินกว่าปกติ ภาวะนี้มักเป็นภัยเงียบ เพราะในช่วงแรกอาจไม่มีอาการชัดเจน แต่สามารถก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น การสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบ และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง

โดยไขมันในเลือดแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น

  • LDL Cholesterol (ไขมันเลว): หากมีปริมาณสูงจะทำให้ไขมันสะสมในผนังหลอดเลือด ก่อให้เกิดการอุดตันและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
  • HDL Cholesterol (ไขมันดี): ช่วยนำไขมันเลวออกจากหลอดเลือดและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • Triglyceride: เป็นไขมันที่สะสมพลังงานส่วนเกินจากอาหารที่เรารับประทาน และหากสูงเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคตับ

สาเหตุหลักของภาวะไขมันในเลือดสูงมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลสูง การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงปัจจัยทางพันธุกรรมและโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง

การรู้ว่าค่าไขมันในเลือดปกติเท่าไหร่ และเฝ้าระวังอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด ซึ่งการตรวจ Lipid Profile เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวัดระดับไขมันและประเมินความเสี่ยงของภาวะนี้ หากพบว่าค่าระดับไขมันในเลือดไม่ปกติ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับการรักษาอย่างเหมาะสมจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันปัญหาสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตรวจไขมันในเลือด ตรวจอะไรบ้าง? รู้ลึกเรื่องไขมันดีและไขมันเลว

การตรวจไขมันในเลือด หรือ Lipid Profile คือการตรวจวัดระดับไขมันในร่างกาย ช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยการตรวจจะตรวจค่าไขมันในเลือด 4 ประเภทดังนี้

1. Triglyceride

Triglyceride คือ ไขมันที่ร่างกายเก็บสะสมไว้เป็นแหล่งพลังงานสำรอง โดยมาจากพลังงานส่วนเกินที่ได้รับจากอาหาร หากระดับไตรกลีเซอไรด์สูงเกินไป จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและตับ

2. Total Cholesterol (คอเลสเตอรอลรวม)

cholesterol คือ การวัดปริมาณไขมันทั้งหมดในเลือด ซึ่งรวมทั้ง LDL (ไขมันเลว) และ HDL (ไขมันดี) ระดับคอเลสเตอรอลรวมที่สูงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ

3. LDL Cholesterol (ไขมันเลว)

Low Density Lipoprotein หรือ LDL cholesterol คือ ไขมันที่มีแนวโน้มสะสมในผนังหลอดเลือด การมีค่าที่สูงจะทำให้หลอดเลือดตีบและเกิดการอุดตัน หากมีระดับ ค่า LDL ปกติ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

4. HDL Cholesterol (ไขมันดี)

High Density Lipoproteinหรือ HDL cholesterol คือ ไขมันดีที่ช่วยขจัดไขมันเลวออกจากหลอดเลือดและป้องกันการอุดตัน การมี HDL ค่าปกติจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

การตรวจ Lab Lipid Profile คือวิธีที่มีประสิทธิภาพในการประเมินสุขภาพหัวใจ และช่วยให้แพทย์สามารถแนะนำวิธีการป้องกันหรือรักษาได้อย่างเหมาะสม การตรวจไขมันในเลือดอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต

ใครควรตรวจระดับไขมันในเลือดบ้าง? เช็กเลยก่อนเสี่ยงโรคร้าย

การเฝ้าระวังค่าไขมันในเลือดช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ดังนั้น การตรวจไขมันในเลือดจึงไม่ได้เหมาะเฉพาะกับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังจำเป็นสำหรับกลุ่มคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือหลอดเลือด หากมีสมาชิกในครอบครัวที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับหัวใจหรือมีภาวะไขมันในเลือดสูง ควรเข้ารับการตรวจไขมันในเลือดอย่างสม่ำเสมอ เพราะความเสี่ยงอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน น้ำหนักตัวที่มากเกินไปเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคเบาหวานและโรคหัวใจ การตรวจไขมันช่วยให้ทราบว่าควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายอย่างไร
  • ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ การสูบบุหรี่ทำให้ระดับ HDL (ไขมันดี) ลดลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ การตรวจไขมันในเลือดจะช่วยประเมินสภาพหัวใจและหลอดเลือดของคุณได้ดียิ่งขึ้น
  • ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงสามารถทำให้หลอดเลือดเกิดความเสียหาย และเมื่อรวมกับภาวะไขมันในเลือดสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการอุดตันในหลอดเลือด การตรวจไขมันในเลือดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกลุ่มนี้
  • ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงต่อการมีระดับ LDL (ไขมันเลว) สูงและ HDL ต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ การตรวจไขมันในเลือดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป แม้ว่าจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ก็ตาม การตรวจไขมันในเลือดตั้งแต่อายุยังน้อยสามารถช่วยป้องกันโรคในระยะยาวได้

การทราบว่าตัวเองมีค่าไขมันในเลือดปกติเท่าไหร่ และเฝ้าระวังระดับไขมันเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรง การดูแลสุขภาพหัวใจไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม การตรวจ Lipid Profile อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้มีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาว

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ Lipid Profile

การเตรียมตัวก่อนตรวจตรวจไขมันในเลือด Lipid Profile เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผลตรวจมีความแม่นยำ ดังนั้น การเตรียมตัวให้ถูกต้องจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสม มาดูกันว่าควรเตรียมตัวอย่างไร

  • อดอาหาร 10-12 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
    การอดอาหารหมายถึงการงดทั้งอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด ยกเว้นน้ำเปล่า การรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม อาจทำให้ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้ผลตรวจคลาดเคลื่อนได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
    แอลกอฮอล์สามารถส่งผลต่อระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด หากดื่มแอลกอฮอล์ใกล้ช่วงเวลาตรวจ อาจทำให้ค่าไขมันสูงกว่าปกติและไม่สะท้อนผลที่แท้จริง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนการตรวจ
    การออกกำลังกายหนักอาจส่งผลต่อระดับไขมันในเลือด ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
  • งดยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อผลตรวจ
    หากคุณกำลังรับประทานยาที่อาจมีผลต่อระดับไขมันในเลือด เช่น ยาขับปัสสาวะหรือยาคุมกำเนิด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า แพทย์อาจแนะนำให้หยุดยาชั่วคราวหรือพิจารณาปรับตารางการตรวจ
  • งดการสูบบุหรี่ก่อนการตรวจ
    การสูบบุหรี่สามารถเพิ่มระดับไขมันเลว (LDL) และลดระดับไขมันดี (HDL) ในเลือด การงดสูบบุหรี่จะช่วยให้ผลตรวจใกล้เคียงกับค่าที่แท้จริงของร่างกาย
  • แจ้งประวัติการใช้ยาและโรคประจำตัว
    หากคุณมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาบางชนิด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะยาบางตัวอาจมีผลต่อการตรวจ และแพทย์อาจต้องพิจารณาในการแปลผล

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัว ควรสอบถามแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

การเตรียมตัวอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผลการตรวจ Lipid Profile แม่นยำและสะท้อนสุขภาพหัวใจของคุณได้อย่างแท้จริง การตรวจไขมันในเลือดอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการเฝ้าระวังความเสี่ยงโรคหัวใจและช่วยวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขั้นตอนการตรวจ Lipid Profile กระบวนการที่คุณควรรู้

1. การเตรียมตัวก่อนตรวจ

  • อดอาหาร 10-12 ชั่วโมง: ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด ยกเว้นน้ำเปล่า เพื่อไม่ให้ผลตรวจไขมันในเลือดผิดเพี้ยน
  • งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนตรวจ: การบริโภคแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ทำให้ผลตรวจไม่สะท้อนค่าที่แท้จริง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรงดการออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการตรวจ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันในเลือด
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาและประวัติสุขภาพ: หากมีการใช้ยาที่อาจส่งผลต่อผลตรวจ ควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้า เพื่อให้การแปลผลเป็นไปอย่างเหมาะสม

2. ขั้นตอนการตรวจ

  • การเจาะเลือด: เจ้าหน้าที่จะทำการเจาะเลือดจากเส้นเลือดบริเวณแขน การเก็บตัวอย่างเลือดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
  • การวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ: เลือดที่เก็บจะถูกส่งไปตรวจวัดค่าระดับไขมัน อาทิค่า Total Cholesterol, LDL, HDL และ Triglyceride โดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อความแม่นยำ
  • ระยะเวลารอผล: ผลการตรวจมักใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับห้องปฏิบัติการ

3. การดูแลหลังการตรวจ

  • ไม่มีข้อห้ามในการรับประทานอาหาร: สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ หลังจากเสร็จสิ้นการเจาะเลือด
  • ปรึกษาผลตรวจกับแพทย์: ควรปรึกษาผลตรวจกับแพทย์หลังตรวจ เพื่อให้แพทย์ช่วยวิเคราะห์ระดับไขมันในเลือด และแนะนำแนวทางการดูแลสุขภาพหรือติดตามการรักษาหากจำเป็น
  • การตรวจติดตาม: ในกรณีที่มีค่าระดับไขมันในเลือดสูงเกินเกณฑ์ปกติ อาจจำเป็นต้องมีการตรวจซ้ำหรือวางแผนการดูแลสุขภาพเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์

การดูแลตนเองหลังเข้ารับการตรวจ Lipid Profile เพื่อสุขภาพที่ดี

หลังจากตรวจ Lipid Profile เสร็จสิ้นและได้รับผลตรวจแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงจากภาวะไขมันในเลือดสูง และส่งเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง มาดูกันว่าเราควรปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง

1. ทำตามคำแนะนำจากแพทย์

เมื่อได้รับผลตรวจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียด หากพบว่าระดับไขมันในเลือดเกินค่าปกติ แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลสุขภาพ หรืออาจแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

2. ปรับพฤติกรรมการกิน

  • ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ของทอด เนื้อแดง และผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันเต็มส่วน (Whole Milk)
  • เพิ่มอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และไขมันดีจากปลาแซลมอนหรือถั่วต่าง ๆ
  • ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เพื่อลดความเสี่ยงของไตรกลีเซอไรด์สูง

3. เพิ่มการออกกำลังกาย

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) และลดไขมันเลว (LDL) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง

  • หยุดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำให้ระดับไขมันเลวสูงขึ้นและไขมันดีลดลง
  • ลดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับไตรกลีเซอไรด์และสุขภาพโดยรวม

5. จัดการความเครียด

  • ความเครียดส่งผลเสียต่อระดับไขมันในเลือด ควรหาวิธีผ่อนคลาย เช่น ทำสมาธิ ฝึกหายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจสงบ

6. ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

  • การติดตามผลอย่างต่อเนื่องช่วยให้เราควบคุมและดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคหัวใจ การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยเฝ้าระวังและลดความเสี่ยงของโรคร้ายได้

การอ่านผลการตรวจ Lipid Profile เข้าใจค่าไขมันเพื่อลดความเสี่ยงโรคร้าย

การตรวจ Lipid Profile เป็นการประเมินระดับไขมันในเลือดที่ช่วยวินิจฉัยความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด การอ่านผลตรวจอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจสถานะสุขภาพของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

ผลตรวจจะแสดงค่าระดับไขมันหลัก ๆ ดังนี้

1. LDL Cholesterol (ไขมันเลว) 

LDL เป็นไขมันที่มีแนวโน้มสะสมในผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ การรักษาระดับ LDL ให้ต่ำเป็นเป้าหมายสำคัญในการป้องกันโรค

  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์มาตรฐาน: น้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (ยิ่งต่ำยิ่งดี)
  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์สูงกว่ามาตรฐาน: 100-129 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ: 130 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป

2. HDL Cholesterol (ไขมันดี) 

HDL ช่วยนำไขมันเลวออกจากหลอดเลือดและลดความเสี่ยงของการอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ การมีระดับ HDL สูงถือเป็นข้อดีต่อสุขภาพหัวใจ

  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์มาตรฐาน: 60 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป (ยิ่งสูงยิ่งดี)
  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐาน: 35-45 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ: น้อยกว่า 35 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

3. Triglycerides (ไตรกลีเซอไรด์) 

Triglycerides เป็นไขมันที่ร่างกายสะสมไว้เพื่อใช้เป็นพลังงาน หากมีระดับสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคตับ การควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์จึงมีความสำคัญ

  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์มาตรฐาน: น้อยกว่า 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์สูงกว่ามาตรฐาน: 150-199 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ: 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป

4. Total Cholesterol (คอเลสเตอรอลรวม) 

คอเลสเตอรอลรวมคือการวัดปริมาณไขมันทั้งหมดในเลือด รวมถึง LDL, HDL และส่วนอื่น ๆ ระดับที่สูงเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ

  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์มาตรฐาน: น้อยกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์สูงกว่ามาตรฐาน: 200-239 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ค่าระดับไขมันเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ: 240 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป

สรุปการอ่านผล

หากผลตรวจแสดงว่าระดับไขมันในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ หมายความว่าความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดยังต่ำ แต่หากผลตรวจแสดงค่าที่เกินจากเกณฑ์ปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการลดระดับไขมันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือใช้ยาเพื่อลดไขมันในกรณีที่จำเป็น

การอ่านผลตรวจ Lipid Profile อย่างถูกต้องช่วยให้สามารถวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว

แนวทางการดูแลตนเองเมื่อมีภาวะไขมันในเลือดสูง ดูแลอย่างไรให้ปลอดภัย

ภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด หากตรวจพบว่าระดับไขมันในเลือดสูงเกินเกณฑ์ปกติ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้

แนวทางการดูแลตนเองเมื่อมีภาวะไขมันในเลือดสูง มีดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร

  • ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน ของทอด และขนมหวานที่มีน้ำตาลมาก
  • เลือกไขมันดี: รับประทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด ถั่ว และน้ำมันมะกอก ซึ่งช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) และลดไขมันเลว (LDL)
  • เพิ่มผักและผลไม้: ผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ควรเพิ่มผักใบเขียว ธัญพืชเต็มเมล็ด และผลไม้สดในมื้ออาหาร

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

  • การออกกำลังกายช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินและเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ในร่างกาย แนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์

3. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

  • การลดน้ำหนักอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ได้ ควบคุมปริมาณอาหารและเลือกอาหารที่มีประโยชน์เพื่อลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน

4. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์

  • การสูบบุหรี่ส่งผลให้ไขมันดี (HDL) ลดลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยปรับปรุงสุขภาพหลอดเลือด
  • ควรลดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม

5. จัดการความเครียด

  • ความเครียดสามารถส่งผลต่อระดับไขมันในเลือด ควรหาวิธีจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ ฝึกโยคะ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ

6. รับประทานยาอย่างเคร่งครัด (หากแพทย์สั่ง)

  • ในกรณีที่แพทย์แนะนำให้ใช้ยาลดไขมัน ควรรับประทานยาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ การใช้ยาอย่างถูกต้องจะช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

  • ควรตรวจระดับไขมันในเลือดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อเฝ้าระวังและประเมินผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถปรับแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

การดูแลตนเองเมื่อมีภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง การปรับพฤติกรรมที่เหมาะสมและการเฝ้าระวังสุขภาพจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายแรง และส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

ตรวจไขมันในเลือดได้ที่ S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพคนเมือง

การดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเฝ้าระวังภาวะไขมันในเลือดสูงที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด การตรวจ Lipid Profile เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการวัดระดับไขมันในเลือดเพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น

ที่ S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพคนเมือง มีโปรแกรมตรวจสุขภาพที่ครอบคลุมการตรวจ Lipid Profile ไขมันในเลือดทุกประเภทที่จำเป็น รวมอยู่ในโปรแกรมตรวจสุขภาพพื้นฐาน (Basic Health Check-Up) ซึ่งประกอบด้วย

  • Total Cholesterol: ประเมินระดับคอเลสเตอรอลรวมในร่างกาย เพื่อดูว่าสุขภาพหัวใจอยู่ในเกณฑ์ที่ดีหรือไม่
  • LDL (ไขมันเลว): วัดระดับไขมันที่มีความเสี่ยงสูงต่อการอุดตันในหลอดเลือด การลด LDL จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ
  • HDL (ไขมันดี): ช่วยป้องกันการสะสมของไขมันเลวในหลอดเลือด การมีระดับ HDL สูงจะส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ
  • Triglycerides: วัดระดับไขมันสะสมจากอาหารส่วนเกินที่ร่างกายเก็บไว้เพื่อใช้เป็นพลังงาน หากมีค่าที่สูงเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและตับ

S’RENE by SLC คลินิกสุขภาพคนเมือง ยังมีบริการตรวจสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจแบบครบวงจร เช่น

การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับคำแนะนำจากแพทย์ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคร้าย

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมหรือจองคิวปรึกษาแพทย์เฉพาะทางกับ S’RENE by SLC ได้แล้ววันนี้

  • สาขา ทองหล่อ ชั้น 4 064 184 5237
  • สาขา Charn แจ้งวัฒนะ ชั้น 2 099 807 7261
  • สาขา Paradise Park ชั้น 3 081 249 7055
  • สาขา เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 6 080 245 7669
  • LINE: @SRENEbySLC หรือคลิก https://bit.ly/3IlXtvw

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่

อ้างอิง 

Lipid Panel: What It Is, Purpose, Preparation & Results

สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่