เคยสงสัยไหมว่า progesterone คืออะไร? แล้วทำไมผู้หญิงถึงมีความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สภาพผิว และรอบเดือนตามช่วงเวลา? สิ่งเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนผู้หญิง “โปรเจสเตอโรน” โดย Progesterone คือ หนึ่งในฮอร์โมนที่สำคัญมากสำหรับสุขภาพของผู้หญิง จึงทำให้การรักษาระดับโปรเจสเตอโรนให้อยู่ในภาวะสมดุลมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม เพราะหากมีความผิดปกติของฮอร์โมนนี้ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพได้
โดยผู้หญิงหลายคนอาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจในการตรวจวัดระดับฮอร์โมน จึงทำให้เกิดปัญหาระดับฮอร์โมนไม่สมดุล ดังนั้นผู้หญิงทุก ๆ คนต้องทำความรู้จักฮอร์โมนเพศในร่างกายให้ดี และคอยปรับสมดุลไม่ขาดไม่เกิน เพราะถ้าไม่ดูแลให้ดีก็อาจจะส่งให้เกิดภาวะวัยทองผู้หญิงได้
Progesterone คือ ฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อร่างกายขนาดนี้?
Progesterone หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า “โปรเจสเตอโรน” เป็นฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นในร่างกายของเรา มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์และการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในผู้หญิง ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญมากที่ส่งผลในเรื่องของรอบเดือนและการเตรียมตัวมดลูกสำหรับการตั้งครรภ์
ซึ่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะถูกสร้างขึ้นในช่วงหลังจากการตกไข่และช่วยในการเตรียมผนังมดลูกให้หนาพอสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น ระดับโปรเจสเตอโรนจะลดลงและทำให้ผนังมดลูกหลุดออก เป็นที่มาของประจำเดือนนั่นเอง
Progesterone ทำงานอย่างไรในร่างกาย ถูกสร้างจากไหน?
สำหรับฮอร์โมน progesterone สร้างจากรังไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการตกไข่ในรอบเดือน กระบวนการนี้เรียกว่า “คอร์ปัสลูเทียม” (Corpus Luteum) หรือ “กลุ่มเหลือง” ซึ่งเป็นกลุ่มของเซลล์ที่พัฒนาและสร้างโปรเจสเตอโรนหลังจากไข่ตกออกจากรังไข่ในแต่ละรอบเดือน นอกจากนี้ ต่อมหมวกไตและรกในระหว่างการตั้งครรภ์ก็สามารถผลิตโปรเจสเตอโรนได้เช่นกัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาการตั้งครรภ์และให้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อน แต่ฮอร์โมนนี้ก็ไม่ได้ทำงานเพียงแค่ในระบบสืบพันธุ์เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการทำงานของระบบอื่นๆ ในร่างกายด้วย
Progesterone สำคัญกับผู้หญิงอย่างไร ทำไมถึงขาดไม่ได้?
Progesterone คือ ฮอร์โมนหลัก ๆ ของผู้หญิงทำหน้าที่หลายอย่างในร่างกาย แต่ที่เด่นชัดที่สุดคือในระบบสืบพันธุ์และการเจริญพันธุ์ โดยสามารถแบ่งบทบาทของโปรเจสเตอโรนออกเป็นดังนี้
- เตรียมผนังมดลูกเพื่อการตั้งครรภ์: หลังการตกไข่ Progesterone จะทำให้ผนังมดลูกหนาและอุดมไปด้วยสารอาหารเพื่อให้เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว หากผนังมดลูกไม่แข็งแรงพอ โอกาสในการตั้งครรภ์จะลดลง และถ้าหากหากไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น ระดับโปรเจสเตอโรนจะลดลงทำให้ผนังมดลูกหลุดออก ซึ่งก็คือรอบเดือนนั่นเอง
- ควบคุมรอบเดือนให้ปกติ: เมื่อไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ระดับโปรเจสเตอโรนจะลดลงและกระตุ้นให้ผนังมดลูกหลุดออก ทำให้มีประจำเดือน การทำงานของโปรเจสเตอโรนจึงมีส่วนสำคัญในการทำให้รอบเดือนเป็นไปอย่างปกติ
- รักษาการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มต้น: ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ โปรเจสเตอโรนจะช่วยให้ผนังมดลูกมีความมั่นคง ไม่หดตัวมากเกินไป ซึ่งลดความเสี่ยงและป้องกันการแท้งในช่วงตั้งครรภ์ช่วงแรก เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับตัวอ่อนในการเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการพัฒนาและเจริญเติบโตของรกเพื่อให้ทารกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
- รักษาสมดุลของฮอร์โมนเพศในร่างกาย: โปรเจสเตอโรนทำหน้าที่ร่วมกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในการรักษาสมดุลของฮอร์โมนเพศทั้งสองในร่างกาย หากฮอร์โมนทั้งสองไม่สมดุลอาจทำให้เกิดภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลที่ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ปัญหาสิว อารมณ์แปรปรวน และการทำงานของระบบสืบพันธุ์ที่ไม่เป็นปกติ
- ช่วยบำรุงผิวพรรณและส่งเสริมการนอนหลับที่ดี: ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนช่วยในการผ่อนคลายระบบประสาท ทำให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น และมีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส สุขภาพดี โดยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสิวและความมันบนใบหน้า
เมื่อมี Progesterone มากหรือน้อยเกินไป อันตรายหรือไม่? มีอาการข้างเคียงอย่างไร
การรักษาระดับโพรเจสเทอโรนในร่างกายให้สมดุลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทั้งการมีโพรเจสเทอโรนมากเกินไปหรือน้อยเกินไปนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างมาก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ระบบสืบพันธุ์และการทำงานของฮอร์โมนมีความสำคัญอย่างยิ่ง มาดูกันว่าเมื่อระดับโปรเจสเตอโรนไม่สมดุลจะส่งผลอย่างไรบ้าง
อาการเมื่อมีโพรเจสเทอโรนน้อยเกินไป
- รอบเดือนมาไม่ปกติ: เมื่อระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนต่ำ ผนังมดลูกจะไม่หนาพอสำหรับการฝังตัว ทำให้รอบเดือนอาจไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอบเดือนที่สั้นหรือยาวเกินไป
- อารมณ์แปรปรวน: โพรเจสเทอโรนช่วยควบคุมอารมณ์ หากระดับต่ำ อาจทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล หรือแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้าได้
- ปัญหาการนอนหลับ: การนอนหลับที่ไม่เพียงพออาจเกิดขึ้นเนื่องจากโพรเจสเทอโรนช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย และช่วยให้เรานอนหลับได้สบาย เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ต่ำจึงทำให้นอนหลับไม่สนิท
- ภาวะมีบุตรยาก: ในกรณีที่ระดับโพรเจสเทอโรนต่ำมาก อาจทำให้มดลูกไม่สามารถเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้
- ปัญหาผิวพรรณและสิว: โพรเจสเทอโรนมีส่วนช่วยควบคุมการหลั่งน้ำมันบนผิว หากระดับต่ำเกินไป อาจทำให้ผิวแห้ง หรือเกิดสิวได้ง่าย
อาการเมื่อมีโพรเจสเทอโรนมากเกินไป
- อาการเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย: โพรเจสเทอโรนมีฤทธิ์ช่วยในการผ่อนคลายระบบประสาท แต่เมื่อมีมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนหรืออ่อนเพลียมากผิดปกติ
- ปัญหาท้องผูกและท้องอืด: ระดับโพรเจสเทอโรนที่สูงอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องผูกได้
- อารมณ์แปรปรวน: แม้ว่าฮอร์โมนนี้จะช่วยในการควบคุมอารมณ์ แต่หากมีมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน ง่ายต่อการหงุดหงิด หรือรู้สึกเครียดได้เช่นกัน
- น้ำหนักเพิ่มขึ้น: ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงเกินไปอาจทำให้ร่างกายสะสมน้ำมากขึ้น และเกิดภาวะน้ำหนักเพิ่มได้โดยไม่ตั้งใจ
Progesterone กับการคุมกำเนิด ส่งผลต่อกันอย่างไรบ้าง?
อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า โปรเจสเตอโรน คือฮอร์โมนผู้หญิงที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการควบคุมการสืบพันธุ์ โดยในด้านของการคุมกำเนิด โปรเจสเตอโรนมีส่วนช่วยหยุดยั้งการตกไข่และสร้างสภาวะแวดล้อมในมดลูกที่ไม่เอื้อต่อการฝังตัวของตัวอ่อน การนำโปรเจสเตอโรนมาประยุกต์ใช้ในยาคุมกำเนิดมีอยู่ในสองรูปแบบหลัก ๆ คือ ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestin-only Pill) และยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Pill)
ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestin-only Pill)
ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว หรือที่เรียกกันว่า “มินิพิลล์” (Mini Pill) มีส่วนประกอบของโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ที่เรียกว่า “ฮอร์โมนโปรเจสติน” (Progestin) เพียงอย่างเดียว ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเหมือนในยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมชนิดนี้ทำงานโดย
- หยุดยั้งการตกไข่: แม้ว่ายาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวอาจไม่ได้หยุดการตกไข่ในทุกกรณี แต่มีบทบาทช่วยป้องกันการตกไข่ในบางรอบเดือน
- ทำให้มูกปากมดลูกข้นขึ้น: โปรเจสตินจะทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นขึ้น ซึ่งทำให้สเปิร์มเคลื่อนตัวผ่านไปยังมดลูกได้ยากขึ้น
- ส่งผลต่อผนังมดลูก: ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวจะทำให้ผนังมดลูกบางลง ทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วไม่สามารถฝังตัวได้
ข้อดีของยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว
- เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้หรือมีข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น คุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร
- ผลข้างเคียงน้อยกว่าเนื่องจากไม่มีเอสโตรเจน
ข้อควรระวัง
ยาคุมชนิดนี้มีประสิทธิภาพน้อยกว่ายาคุมชนิดฮอร์โมนรวมเล็กน้อย และต้องรับประทานตรงเวลาทุกวันเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Pill)
ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ (โปรเจสติน) และฮอร์โมนเอสโตรเจนสังเคราะห์ โดยทั้งสองฮอร์โมนนี้ทำงานร่วมกันในการป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งมีการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- ยับยั้งการตกไข่: ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมจะทำงานร่วมกันเพื่อหยุดการตกไข่อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นขึ้น: เช่นเดียวกับยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในยาคุมชนิดนี้จะทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นขึ้น ทำให้สเปิร์มเดินทางไปยังมดลูกได้ยาก
- ส่งผลต่อผนังมดลูก: ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมทำให้ผนังมดลูกบางลง จึงไม่เอื้อต่อการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว
ข้อดีของยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม
- มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงกว่าและช่วยให้รอบเดือนมาสม่ำเสมอขึ้น
- ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดถุงน้ำรังไข่ (Ovarian Cysts)
ข้อควรระวัง
- อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น ความดันโลหิตสูงหรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
- การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจเพิ่มโอกาสของการเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการปวดศีรษะหรืออาการคลื่นไส้
โปรเจสเตอโรน เจอในอาหารประเภทไหนได้บ้าง จำเป็นต้องทานมั้ย?
โดยปกติแล้ว ร่างกายสามารถผลิตโปรเจสเตอโรนได้เองอย่างเพียงพอ หากระบบฮอร์โมนทำงานอย่างปกติ การทานอาหารที่ช่วยสนับสนุนการผลิตฮอร์โมนจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพโดยรวม ในบางกรณี เช่น มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลหรือปัญหาเกี่ยวกับรอบเดือน อาจต้องเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนหรือพิจารณาการเสริมด้วยวิธีอื่น
ดังนั้น หากไม่มีปัญหาเกี่ยวกับระดับฮอร์โมน การทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุลถือว่าเพียงพอแล้ว แต่หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมหรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ
อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 6 (Vitamin B6)
วิตามินบี 6 มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการผลิตโปรเจสเตอโรน และช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสมดุล แหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 6
- เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่และเนื้อปลา
- ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต
- กล้วย และ อะโวคาโด
- ผักใบเขียว เช่น ผักโขมและผักคะน้า
อาหารที่มีแมกนีเซียมสูง (Magnesium)
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบสืบพันธุ์และการผลิตโปรเจสเตอโรน โดยทำหน้าที่กระตุ้นเอนไซม์ที่ช่วยในการผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ แหล่งอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง
- ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง
- ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ควินัว ข้าวบาร์เลย์
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น ปวยเล้งและบร็อคโคลี
- ดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งเป็นแหล่งแมกนีเซียมที่ดีและยังช่วยลดความเครียด
อาหารที่มีสังกะสี (Zinc)
สังกะสีมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของระบบฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตโปรเจสเตอโรน แหล่งอาหารที่อุดมด้วยสังกะสี
- หอยนางรม ซึ่งมีสังกะสีสูงมาก
- ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์
- เนื้อวัวและเนื้อแกะ
- ไข่ และ ผลิตภัณฑ์จากนม
อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซีช่วยกระตุ้นการผลิตโปรเจสเตอโรน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตกไข่ในรอบเดือน การรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงจะช่วยให้ร่างกายมีระดับโปรเจสเตอโรนที่เหมาะสม แหล่งอาหารที่มีวิตามินซีสูง
- ผลไม้ตระกูลส้ม เช่น ส้ม มะนาว
- เบอร์รี่ต่างๆ เช่น สตรอเบอร์รี่และราสป์เบอร์รี่
- กีวี่ และ พริกหวาน
- บรอกโคลี และ กะหล่ำดาว
ไขมันดีจากน้ำมันพืชและปลา (Healthy Fats)
ไขมันชนิดดีมีบทบาทในการสนับสนุนการผลิตฮอร์โมนในร่างกาย โดยช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการสร้างโปรเจสเตอโรนได้ดีขึ้น แหล่งไขมันดีที่เหมาะสมได้แก่
- น้ำมันมะกอก และ น้ำมันมะพร้าว
- ปลาไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอนและปลาทูน่า
- อะโวคาโด และ ถั่วต่างๆ
อาหารที่มีไฟเบอร์สูง (Fiber)
ไฟเบอร์มีส่วนช่วยในการกำจัดฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนเกินออกจากร่างกาย ซึ่งช่วยให้ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสมดุล ยกตัวอย่างอาหารที่มีแหล่งไฟเบอร์ที่ดี ได้แก่
- ผักใบเขียว และ ผลไม้สด
- ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต
- ถั่วเลนทิลและถั่วชนิดต่าง ๆ
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
Q: ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ต่างจาก เอสโตรเจนอย่างไร?
ตอบ: ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย แต่ทำงานแตกต่างกัน เอสโตรเจนช่วยควบคุมการพัฒนาลักษณะเพศหญิง เช่น การพัฒนาเต้านม และกระตุ้นการเตรียมร่างกายสำหรับการตั้งครรภ์ ขณะที่ Progesterone คือ ฮอร์โมนที่ช่วยเตรียมผนังมดลูกให้เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิ และช่วยรักษาการตั้งครรภ์ให้เป็นไปอย่างปกติ
Q: โปรเจสเตอโรนสำคัญอย่างไรต่อการตั้งครรภ์?
ตอบ: โปรเจสเตอโรนช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในมดลูกที่เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว และยังช่วยลดการหดตัวของมดลูกเพื่อลดความเสี่ยงของการแท้งในระยะเริ่มต้น
Q: โปรเจสเตอโรนสามารถช่วยในการควบคุมอารมณ์ได้จริงหรือ?
ตอบ: ใช่ โปรเจสเตอโรนมีส่วนช่วยรักษาสมดุลของระบบประสาทและสามารถลดอาการเครียดหรือวิตกกังวลได้ แต่หากระดับไม่สมดุล อาจทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนได้เช่นกัน
Q: ทำไมระดับโปรเจสเตอโรนในร่างกายถึงลดลงเมื่ออายุมากขึ้น?
ตอบ: เมื่อเข้าสู่วัยทอง รังไข่จะผลิตฮอร์โมนน้อยลง ส่งผลให้ระดับโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน และรอบเดือนขาดหาย
Q: อาหารสามารถช่วยเพิ่มระดับโปรเจสเตอโรนได้หรือไม่?
ตอบ: ได้ อาหารที่มีวิตามินบี 6, แมกนีเซียม, สังกะสี และไขมันดี เช่น เนื้อสัตว์ ธัญพืชเต็มเมล็ด ผักใบเขียว และไขมันจากปลาจะช่วยสนับสนุนการผลิตโปรเจสเตอโรนในร่างกาย
Q: สัญญาณที่บ่งบอกว่าระดับโปรเจสเตอโรนต่ำคืออะไร?
ตอบ: อาการที่อาจเกิดขึ้นได้จากโปรเจสเตอโรนต่ำคือ รอบเดือนมาไม่ปกติ อารมณ์แปรปรวน นอนหลับยาก หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น การแท้งง่าย
Q: โปรเจสเตอโรนมีผลข้างเคียงใดบ้างเมื่อใช้เสริมหรืออยู่ในระดับสูงเกินไป?
ตอบ: การมีโปรเจสเตอโรนในระดับสูงอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ท้องอืด หรืออารมณ์แปรปรวนได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์หากมีความกังวลเกี่ยวกับระดับโปรเจสเตอโรนในร่างกาย
Q: โปรเจสเตอโรนช่วยในการคุมกำเนิดอย่างไร?
ตอบ: โปรเจสเตอโรนในยาคุมกำเนิดทำงานโดยทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นขึ้น ยับยั้งการตกไข่ และทำให้ผนังมดลูกบางลงเพื่อป้องกันการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว
Q: ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวคืออะไร?
ตอบ: ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว หรือ Progestin-only Pill เป็นยาคุมที่มีเพียงโปรเจสติน (โปรเจสเตอโรนสังเคราะห์) ไม่มีเอสโตรเจน เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้เอสโตรเจน หรือในกรณีที่กำลังให้นมบุตร
Q: จำเป็นต้องตรวจระดับโปรเจสเตอโรนหรือไม่?
ตอบ: ในกรณีที่คุณมีปัญหาเกี่ยวกับรอบเดือน มีบุตรยาก หรือมีอาการที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน การตรวจฮอร์โมน Progesterone คือ สิ่งที่ควรตรวจเช็กและวัดระดับ เพื่อให้แพทย์ประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
ปรึกษาเรื่องฮอร์โมน Progesterone ได้ที่ S’RENE คลินิกสุขภาพคนเมือง
เรื่องฮอร์โมน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และสำคัญ โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศที่มีบทบาทสำคัญต่อร่าง การที่มีฮอร์โมนไม่สมดุล หรือมีอย่างใดอย่างหนึ่งที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป ก็อาจส่งผลต่อร่างกายและสุขภาพได้ในระยะยาว โดยสามารถเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนได้ที่ S’RENE by SLC ซึ่งเป็นคลินิกสุขภาพสำหรับคนเมืองที่มีแพทย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกันและการปรับสมดุลฮอร์โมนคอยให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ กับโปรแกรม His & Her Wellness Lab Check Up (15,900 บาท) ตรวจวัดระดับฮอร์โมน 13 รายการ โดยการตรวจเลือด เพื่อหาความเสี่ยงปัญหาสุขภาพเพศ พร้อมนำมาวางแผนการดูแล ปรับสมดุลฮอร์โมน และฟื้นฟูสุขภาพเพศ
นอกจากนี้ที่ซีรีนก็สามารถบูสต์ปรับสมดุลฮอร์โมนด้วย S’RENE Homonal Booster for Women (25,000.- / ครั้ง) โปรแกรมการรักษาภาวะพร่องฮอร์โมนเพศหญิงด้วย Placenta Therapy
- ใช้สารสกัดจากรก (Placenta) เพื่อช่วยฟื้นฟูสมดุลฮอร์โมน
- มีสารอาหาร วิตามิน และฮอร์โมนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวพรรณ ให้เปล่งปลั่ง
- เพิ่มพลังงาน และฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
- ช่วยปรับอารมณ์ และรักษาภาวะวัยทองของผู้หญิง
ใครที่กำลังมีปัญหาในเรื่องฮอร์โมนไม่สมดุล หรือสนใจปรึกษาเรื่องฮอร์โมน สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันกับ S’RENE by SLC สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่
▪️ สาขา ทองหล่อ – โทร 064 184 5237
▪️ สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 – โทร 081 249 7055
▪️ สาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 6 – โทร 080 245 7669
____________________________________________________________
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Progesterone Overview. Cleveland Clinic.https://my.clevelandclinic.org/health/body/24562-progesterone
Progesterone Function and Its Role in the Body. Healthline.https://www.healthline.com/health/progesterone-function
Progesterone. Your Hormones – Society for Endocrinology.https://www.yourhormones.info/hormones/progesterone/
Progesterone (Oral Route) Description. Mayo Clinic.https://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/progesterone-oral-route/description/drg-20075298
Progesterone – MedlinePlus Drug Information. MedlinePlus.https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a604017.html
สามารถติดตาม S’RENE by SLC ได้ที่